เรื่องวัยเยาว์ ตอนที่3
บ้านสวน เป็นบ้านหลังไม่โตนัก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับอยู่กันแค่ 3 คน คือ ปู่ ย่า และ พลอยเด็กตัวเล็ก… ปู่ และพวกอาๆมาช่วยกันสร้างบ้านแบบประหยัด แต่ว่าออกแบบได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยฝาบ้านนั้น ใช้ไม้ที่ทำจากต้นหมากจากในสวนเสียเป็นส่วนใหญ่ และพื้นนั้นก็เป็นพื้นปูนที่ไม่ได้ปูกระเบื้อง เพียงแค่ทำการขัดมันอย่างเดียว จากนั้นก่อเป็นกำแพงสูงขึ้นมาถึงช่วงอกของผู้ใหญ่เห็นจะได้ และเอาต้นหมากมาตีต่อๆกันเป็นแผงจนถึงหลังคาเลย
ตรงไหนที่เป็นส่วนที่นอน ปู่จะออกแบบให้วางต้นหมากห่างๆกันเป็นช่องลูกกรง เพื่อที่เวลานอนเราจะไม่ร้อน และทำแผงสังกะสีแผงกว้างๆ ปิดทับทายนอกอีกที เวลาที่เราไม่อยู่บ้านหรือเวลาที่ฝนตกลงมา เราก็ปิดแผงนั้น และถ้าหากมีคนอยู่ในบ้าน เราก็จะเอาไม้ค้ำยันกางแผงออกไปเพื่อรับลมและแสงสว่าง ….เวลาที่กางแผงออกไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าบ้านหลังไม่เล็กเลยสักนิด
บ้านหลังนี้อยู่แล้วไม่รู้สึกว่าร้อนหรืออบอ้าวเลย อาจเป็นเพราะมีหลังคาที่สูงมาก จึงรู้สึกว่าโปร่งโล่ง และสามารถให้กระแสลมนั้นพัดผ่านได้ดีจากทุกทิศทาง เนื่องจากไม่ได้ก่อกำแพงปูนปิดทึบที่บริเวณข้างฝาบ้านก็เป็นได้ …. เป็นการผสมผสานระหว่างไม้กับปูนอย่างลงตัวทีเดียว
ในส่วนของครัวนั้นก็เช่นเดียวกัน ปู่ทำไม้ตีห่างๆ และทำแผงสังกะสีปิดทับภายนอก เวลาที่เราตื่นมาก็เปิดแผงสังกะสีนั้นออกไป ครัวก็จะดูกว้างและสว่างมาก เราสามารถมองเห็นสวนและคูคลองต่างๆจากหน้าต่างครัวตรงนั้นได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบังสายตา …
ปู่ทำอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้สอยในบ้านเองเกือบทั้งหมดทุกชิ้น ตั้งแต่โต๊ะกินข้าวขนาดยาวที่นั่งได้ถึงหกคน เป็นโต๊ะที่ไม่ได้สวยงามอะไร เป็นไม้ที่เอามาตีต่อๆกันหลายๆแผ่น และปู่ก็เอากบใสไม้มาใสจนลื่นมือ จากนั้นก็ทำที่นั่งอย่างง่ายๆ คือทำเป็นฐานตั้งแล้วใช้ไม้แผ่นกระดานสองแผ่นกว้างขนาดนั่งพอดีก้น มาวางพาดเป็นม้ายาวๆ
ม้ายาวทำเหมือนกันทั้งสองฝั่งของโต๊ะ โดยฝั่งนึงทำติดเป็นพิงหลังกับข้างฝาบ้าน อีกฝั่งเปิดโล่งไม่ได้มีเก้าอี้แบบเป็นตัวๆ แต่ก็เป็นการนั่งทานร่วมกันที่อบอุ่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว …

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ท)
เจ้าโต๊ะกินข้าวนั้นย่าเอาผืนพลาสติกสี่เหลี่ยมลายผลไม้ หรือบางทีก็เป็นลายสก๊อตสีแดงขาว มาคลุมตัวโต๊ะนั้นเอาไว้ … เป็นผืนพลาสติกราคาถูกๆที่หาซื้อได้ทั่วๆไป แต่ทว่ามีลายสวยงาม เข้ากับครัวที่บ้านสวนได้เป็นอย่างดี
ตู้ใส่อาหารที่เราเรียกว่าตู้กับข้าว และตู้ใส่เสื้อผ้า ปู่ก็ทำขึ้นมาเองมีลิ้นชักอย่างดีสองชั้น และก็เตียงนอนของทุกคนในบ้านปู่ก็ทำขึ้นมาเองเกือบทุกชิ้น รวมทั้งชั้นวางของต่างๆหรือแม้แต่โต๊ะที่ใช้วางทีวี
โดยปู่จะใช้เวลาทำให้เรื่อยๆ เมื่อว่างจากงานในสวนเมื่อไหร่ปู่ก็จะใช้เวลาใสไม้ ตีๆ ตอกๆ อยู่ที่ใต้ถุนบ้านของย่าแหวนที่อยู่ติดกันนั่นเอง
ไม้ที่ปู่ใช้นั้น ส่วนใหญ่แล้วคือไม้ฉำฉา เป็นไม้เบาๆราคาไม่แพง แต่ปู่ก็จะเอามาทำประกอบ กันเป็นชิ้นงาน แล้วเอากบใสจนลื่น เรียบ และทาแลกเกอร์จนสวยงามสามารถใช้การได้อย่างดี
สมัยก่อนนั้น พลอยรู้สึกว่างานพวกนั้นสวยแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลก หรือแตกต่างจากตู้ไม้สักที่สวยงามมีราคาแพงอะไร อาจเป็นเพราะเราเติบโตมากับสิ่งที่เราเห็นทุกวันจนชินตา และยังไม่ออกไปพบโลกกว้างก็เป็นได้
….. พลอยก็เพิ่งรู้ว่าปู่ก็มีฝีมือช่างไม้อยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าปู่นั้นไปเรียนรู้มาจากไหน และทำไมถึงสามารถทำได้แบบมืออาชีพเลย หรือว่าเมื่อสมัยหนุ่มๆปู่เคยเป็นช่างไม้มาก่อน ….
วันนี้สงสัยก็คงไม่ได้คำตอบอะไร เพราะทุกๆคนก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้ตอนนั้น และตอนนี้ปู่ก็เสียชีวิตไปแล้ว
บ้านหลังนี้ มีส่วนห้องนอนที่ปู่นั้นกั้นแยกออกไปนอนต่างห่าง เนื่องจากปู่นั้นแยกห้องนอนกับย่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่พลอยก็จำไม่ได้ เค้าทั้งสองอยู่บ้านเดียวกัน ทานอาหารด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกันดั่งเช่นคนทั่วไป
แต่ว่าปู่นั้นถือศีลและทำวัตรเช้า – เย็น ทุกวัน เหมือนเป็นพระสงค์รูปหนึ่งที่อยู่ในบ้านเลยทีเดียว พอถึงวันพระปู่ก็จะนอนค้างที่วัด เพื่อถือศีลแปด และไม่ทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว ….ดังนั้นทุกๆวันปู่จะตื่นมาสวดมนต์และก็เดินจงกลมอยู่ในห้องของตนตั้งแต่เวลาตีสามหรือประมาณใกล้ตีสี ถ้าพลอยจำไม่ผิด
พลอยจำได้ว่าปู่ คือคนที่ใจดีมากๆ พลอยไม่เคยได้ยินปู่ดุ ว่าใคร หรือ พูดคำหยาบใดๆ และเมื่อมาอยู่บ้านสวนแล้ว ปู่ก็เคร่งในศีลและธรรมะมาก เมื่อเวลานอนหากมียุงในมุ้ง ปู่จะเอาสวิงเล็กๆไปตักยุงแล้วปล่อยออกไปนอกมุ้ง … ปู่ทำแบบนี้มาหลายสิบปีเป็นที่ชินตาจนกระทั่งจากไป
วันนี้ มานั่งคิดถึงที่นอนในห้องของปู่แล้ว พลอยก็อดสงสัยไม่ได้ว่าปู่นั้นไปได้ความคิดมาจากไหน ที่ทำเตียงขึ้นมาจากการก่อปูนสูงขึ้นไปถึงระดับเอวแล้วปูกระเบื้องทับ จากนั้นจึงปู่เสื่อปูผ้าทับอย่างดี มันเป็นภูมิปัญญาที่บางครั้งเราก็คาดไม่ถึงเลยจริงๆ … ง่ายๆ และก็ใช้งานได้ดี
เตียงของปู่นั้น มีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง และยาวขนาดสองเมตรครึ่งถึงสามเมตรเห็นจะได้ เป็นการก่อขึ้นมายาวเต็มขนาดความกว้างของห้อง และที่ใต้เตียงนั้นทำเป็นประตูบานพับเล็กสำหรับเปิดปิด เอาของที่ไม่ได้ใช้ไปเก็บไว้ข้างในอย่างเรียบร้อย
ทำให้บ้านมีพื้นที่โล่ง สบายตา ดูเป็นระเบียบและน่าอยู่อย่างมาก … พลอยชอบเข้าไปที่ห้องปู่ ก่อกวนไปเรื่อย …และย่าก็จะบอกว่า “ออกมา ปู่เค้าจะสวดมนต์ อย่าไปกวน” .. รู้สึกว่าคิดถึงจัง
ที่หัวนอนจะตั้งหิ้งพระ มีระยะสวยงามถูกทิศถูกทางไม่สูงไม่ต่ำจนเกินไป ในห้องนั้นเป็นห้องของปู่จริงๆ มีเตียง มีตู้เสื้อผ้าที่มีของไม่มากชิ้น เสื้อผ้าก็ล้วนเป็นสีขาวเรียบร้อย ไม่ค่อยจะมีสีอื่นๆเลย … ถ้ามีก็คงเป็นสีดำชุดซาฟารี สำหรับไปงานเผาศพกระมัง
วันนี้บ้านสวนหลังนั้นไม่มีอยู่แล้ว แต่พลอยก็คิดถึงบ้านสวนเสมอ บ้านที่ปลูกเพียงชั้นเดียว แต่ครึ่งปูนครึ่งไม้ บ้านที่มีหลังคาเป็นทรงหน้าจั่วแหลมๆหากมองไกลๆจะคล้ายๆบ้านที่เราเห็นในหนังฝรั่งที่อยู่ตามชนบท หรือเป็นบ้านที่อยู่ในฟาร์ม…แบบให้อารมณ์อบอุ่นมากๆ
บ้านหลังเล็กๆที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งส่วนของตัวบ้าน และส่วนระเบียงภายนอกที่กว้างขวางพอใช้รับแขกและนั่งเล่นนั่งทำงานแบบง่ายๆ แต่ว่าเอาไม้มาตีกั้น ปิดเป็นช่องลูกกรงสูงแค่เอวสวยงาม ถ้ามีญาติมาเยี่ยมหรือว่าอามาหาพักค้างคืน ก็สามารถกลางมุ้งนอนที่ระเบียงหน้าบ้านนั้นได้อย่างสบาย
บ้านที่อยู่ติดริมคลอง และท่ามกลางต้นไม้ต่างๆ มีสะพานท่าน้ำ มีเรือลำเล็กๆที่จอดผูกเชือกไว้เสมอ บางทีพลอยก็เล่นบนดิน เล่นในสวน หรือบางทีก็ลงไปเล่นในเรือเพื่อช้อนปลาเข็มตัวยาวๆ ตักๆ ปล่อยๆ อยู่แบบนั้นทั้งวัน

cr:ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
บ้านสวนของปู่นั้น ระเบียงจะกว้างมาก ขนาดกางมุ้งแล้ว สามารถนอนรวมกันได้ถึงสี่คนเลยทีเดี่ยว ส่วนของท้ายบ้านนั้นจะเป็นครัว และมีประตูเปิดออกทางข้างๆบ้านได้ ริมฝั่งขวามือจะเป็นห้องของปู่และย่า ตรงกลางบ้านเราใช้นั่งดูทีวี มีโต๊ะสำหรับตั้งกาน้ำร้อนและตระกร้าใส่เครื่องชงกาแฟต่างๆ ส่วนตรงซ้ายมือจะมีเพียงเตียงปูนยกพื้นโล่งๆ วางตู้กระจกและเป็นที่นอนของพลอย
บ้านสวนในความทรงจำของพลอย วันนี้ผ่านมาหลายปี พลอยยังรู้สึกว่าภาพนั้นค่อนข้างชัดเจน อาจเป็นเพราะพลอยได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้หลายครั้งหลายหน …
ครั้งแรก ตอนเมื่อย้ายมาจากบ้านเล้าหมู และพอถึงช่วงที่จะต้องเข้าโรงเรียน พลอยก็ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างอำเภอ จนผ่านมาถึงช่วงมัธยมต้นที่พลอยเข้ามาเรียนในจังหวัด พลอยจึงย้ายกลับมาอาศัยอยู่กับปู่ย่าอีกเป็นระยะๆ เพื่อสะดวกในการเดินทางไปโรงเรียน
หรือบางทีช่วงปิดเทอม พลอยก็กลับมาที่บ้านสวนเสมอๆ อาจไม่ได้อยู่นานเป็นเดือนๆ แต่พลอยก็คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี
ปู่และย่า ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้เกินกว่าสิบปี จวบจนวันนึงที่พวกอาๆไม่อนุญาตให้ปู่และย่าทำงานอีกต่อไป เนื่องจากอายุมากกลัวว่าจะไปหกล้ม และไปเป็นลมอยู่ในสวน อีกทั้งอานวยก็ได้มาด่วนเสียชีวิตไปเมื่อคราวอายุได้เพียงแค่สี่สิบกว่าๆ จึงได้มาถึงการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
อาพเยาว์ได้กลับมาบูรณะซ่อมแซม ต่อเติม ขยายบ้านที่อานวยเคยอาศัยอยู่ให้กว้างขวางขึ้น และบังคับให้ปู่และย่ามาอยู่บ้านนี้ร่วมกับอาบุพผาและสุภัค ภรรยาและลูกสาวเพียงคนเดียวของอานวยนั้นเอง
บ้านที่เราเคยมีความผูกพัน ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน และบ้านหลังนั้นจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม แต่ความสุขที่เคยมีในบ้านสวนนั้น ไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลาเลย …. เพื่อนๆล่ะคะ เคยคิดถึง และรู้สึกผูกพันกับความทรงจำดีๆในที่ๆเรียกว่าบ้านที่ไหนสักแห่งไหม