สวัสดียามเย็นคร้า จะหนึ่งทุ่มแล้ว แต่อากาศดี้ดีย์ ท้องฟ้าหลังฝนตก ดูหม่นๆเทาๆ แต่ก็สวยดีไปอีกแบบ พลอยศรีหุงข้าว ทำอาหารเสร็จแต่วันทั้งของผู้ชาย และของพลอยศรีเอง ออกไปเดินนิดหน่อย ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ ทำให้ต้องรีบขึ้นมาอาบน้ำสระผม และก็ออกมานั่งจิบชา มองฟ้า มองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้าไปเรื่อยเปื่อย
พลันก็คิดว่า วันนี้เราทำผัดพริกต้องรีบบันทึก อย่าหมัก อย่าดองเลย อันที่จริงตั้งใจว่า วันนี้จะไม่บันทึกอะไรแล้ว อิอิ
ทำไงได้ก็ใจมันชอบมันรักไปแล้วเนาะ เดี๋ยวนี้ก็เลยเหมือนต้องพกกล้องเข้าครัว ฮ่าฮ่า พลอยศรีสนุกกับการทำอาหารกินเอง เมนูง่ายๆ และก็ทำไป ถ่ายรูปไป ถึงแม้ทักษะการถ่ายภาพจะไม่เอาไหน กล้องโทรศัพท์ธรรมดานี่แหละ ไม่ได้ไฮเอนด์อะไร แต่มันก็ให้อารมณ์บ้านๆดีนะ ไมต้องปรับแต่ง ไม่ต้องจัดแสงสี ได้เท่าไหร่ ก็เท่านั้นแล ฮ่าฮ่า
ชีวิตบางทีเราก็ต้องอยู่กับความจริงเนาะ พลอยศรีคิดว่านะ เพราะถ้าปรับแต่งมากไป หรือ อะไรก็แล้วแต่ เราก็รู้อยู่กับใจ ถ้าย้อนมาอ่านวันใด คงทำใจไม่ได้ที่รู้ว่ามันหลอกลวง เรากำลังนั่งอ่านนั่งมองภาพหลอกลวง โอ้ย… หลอนแล้วตั้งแต่เริ่มคิด อิอิ ไม่เอาๆ เราต้องบันทึก ขีดเขียน ใส่ภาพแต่ของจริงเนาะ เพราะเราอ่าน เรารู้อยู่กับใจว่าความจริงเป็นเช่นไร ถ้ามานั่งอ่านเรื่องแต่งว่ามีความสุขไปวันๆ คงต้องปรึกษาจิตแพทย์แล้ว ฮ่าฮ่า มโนได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงนะ
เรื่องราวการทำผัดพริกไก่ย่างวันนี้ของพลอยศรีมีที่มา สามประการด้วยกันค่ะ อันแรกเลย คือ พลอยศรีย่างไก่ทั้งตัวหลายวันก่อนและก็กินไม่หมด เบื่อกินจึงเก็บเข้าตู้เย็นไว้อย่างดี และประการที่สองคือ วันนี้เดินไปเห็นต้นยี่หร่าต้นเล็กๆที่เพิ่งเติบโต ชูใบใหญ่ๆมาสี่ห้าใบ และประการที่สามพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ พวกเราต้องไปซื้ออาหารเข้าบ้าน จึงต้องทำการเก็บของในตู้เย็นให้โล่งๆ จะได้มีพื้นที่ และเจ้ากล่องไก่ย่างนี้ก็ใหญ่โตมีไก่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น อิอิ พลอยศรีก็บ้าจี้เก็บไว้ทั้งกล่อง

และนั่นก็คือ เรื่องราวทั้งหมดของการกำจัดไก่ย่างให้หมดไป อิอิ พลอยศรีอ่ะ สมัยก่อนก็โง้ โง่นะ พอไก่ย่างเหลือ บางทีก็เบื่อกิน ก็เก็บๆจนสุดท้ายก็ต้องโยนทิ้ง รู้สึกเสียดายมาก และก็รู้สึกผิดมากด้วย ที่ต้องทิ้งอาหาร แต่เคยได้ยินเมนูขึ้นชื่อของไทย คือ แกงเผ็ดเป็ดย่าง พลอยศรีก็เลยคิดว่า เออ จริงด้วยเรามีไก่ย่างเราก็เอามาแกงได้นะเธอ ว่าและพลอยศรีก็จัดการ นำไก่ย่างๆมาฉีกๆใส่จานให้เรียบร้อย
ก็ทำมาหลายครั้งนะ แกงบ้าง รวนกับซีอิ้วแห้งๆบ้าง ก็อร่อยดี และวันนี้ขอแปลกแยก เบื่อกินกะทิแล้ว เพราะสองสามวันนี้กินกะทิติดต่อกัน ต้องพักร่างกายสักหน่อย วันนี้จึงผัดแค่พริกแกงเฉยๆ และ พริกแกงวันนี้ก็พริกแกงเผ็ดภาคใต้ที่มีอยู่ ถ้ามีพริกแกงเผ็ดภาคกลางสีแดงก็จะใช้หรอก แต่วันนี้มีพริกแกงใต้ ก็ผัดแบบใต้ๆและกัน อิอิ
ผัดเผ็ด ผัดพริก ตามที่พลอยศรีทำมาตั้งแต่เล็กๆจำความได้ที่บ้านนอก คือ ต้องใส่ใบยี่หร่า ใส่มะเขือเปาะ พริกชี้ฟ้าแดง และใบมะกรูดฉีกๆ คือง่ายๆจากหลังครัว ไม่ได้ใส่พริกไทยอ่อน กระชายซอยอะไรเพราะไม่มี ถ้าจะใส่ต้องรอซื้อรถแม่ค้าที่วิ่งผ่านเย็นๆโน่น ถ้าไม่เตรียมไว้ล่วงหน้าก็ไม่มีเพราะบ้านเราไม่ได้ปลูกของพวกนี้
เราก็ผัดกันตามที่มีจ๊ะ พลอยศรีก็ทำมาง่ายๆ ผัดพริกปลาช่อน ปลาหมอ ไก่ เป็ด ก็แล้วแต่ที่จะหาเนื้อสัตว์ได้ แต่ก็ใส่เครื่องกันแค่นั้น … มาดูกันค่ะ ว่าที่บ้านนอกของพลอยศรี พ่อแม่สอนมาอย่างไรกับการทำผัดพริก อิอิ

เตรียมเครื่องให้พร้อม เนื้อสัตว์ พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบๆ มะเขือเปาะ ใบมะกูดฉีก แช่น้ำเอาไว้ เพื่อป้องกันมะเขือดำ และพริกเม็ดจะได้ลอยออกไป … ปรุงรสแค่น้ำปลา และน้ำตาล …ง่ายเนาะ ( แต่ถ้ามีพริกไทยอ่อน กระชายก็ใส่ไปนะ จะได้มีสมุนไพลมากขึ้น )
ตั้งกระทะใส่น้ำมันร้อนๆ และนำพริกแกงเผ็ดที่เราเตรียมไว้ ลงไปผัดจนหอม ผัดไฟอ่อนๆ ใจเย็นๆนะจ๊ะ ถ้าใจร้อนมันจะไหม้และ ขมเสียรสชาติเลย … ผัดจนกว่าพริกจะแตกมัน นั่นก็คือ เห็นสีพริกแกงลอยที่น้ำมัน … ผัดจนจาม สาม สี่ที ให้เพื่อนบ้านด่าในใจ ก็เป็นอันใช้ได้ แฮ่ แฮ่

ใส่ไก่ย่างของเราลงไปเลย แล้วคนให้เข้ากัน สอง สาม ที คนเบาๆนะจ๊ะ เดี๋ยวชิ้นไก่ แตกเละหมด เพราะมันสุกแล้ว มันยุ่ยง่ายจ๊ะ

คนเข้ากันดี ก็เติมน้ำลงไปจนท่วมเนื้อไก่เลย ไม่มาก ไม่น้อย เอาแค่ท่วมดี และก็รอเดือด การใส่น้ำลงไปจนท่วมชิ้นไก่ และผัดไปเบาๆ ไฟกลางๆ จนน้ำงวดนั้น จะช่วยประสานรสชาติของพริกแกง และเครื่องปรุงเข้าไปที่ชิ้นไก่นะ
เติมน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำปลา แล้วชิมรสให้พอใจ ปล่อยให้เดือดไปเรื่อยๆ จนน้ำงวดสักครึ่งนึงก็พอ บางคนจะใส่ผงปรุงรสเพิ่มก็ตามใจ


น้ำงวดแล้ว ใส่เครื่องผักที่เราแช่น้ำไว้เลยจ๊ะ ใส่ลงไปพร้อมกันเลย และผัดให้เข้ากัน รอจนมะเขือสุกก็จะเหลือน้ำแกงขลุกขลิก พอให้มีคลุกข้าวกินก็พอ

ก่อนปิดแก็ส อย่าลืมนะจ๊ะ สำคัญมากๆเลย สำหรับผัดเผ็ดที่บ้านนอกของพลอยศรีนั่นคือ ใบยี่หร่าคร้า ใส่ไปเลยเยอะๆ ยิ่งเยอะ ยิ่งหอม ใส่และผัดให้เข้ากัน ปิดแก๊ส ปิดฝาสักครู่ ให้หอมระอุไปเลย … พลอยศรีมีใบยี่หร่าน้อยนิด ก็ใช้เท่าที่มี อีกสักสองสัปดาห์ คงมีให้กินเยอะเลย


ฮื๋ม…. หอม น่ากิน จริงๆเลย มีความแตกมัน มีความน่ากินนะเนี่ย หิวเลยข้าวร้อนๆจงมาๆ ถ้าพริกสีแดงนะ คงสวยงามไปอีกแบบ

ข้าวสวยร้อนๆ ตักผัดพริกของเราที่ปรุงร้อนๆ มาราดข้าว ง่ายๆ แบบนี้แหละ สบายดี ตักแกงบ้าง ข้าวบ้างใส่ปากกิน โอ้โฮ เผ็ดร้อน สะใจค่ะ และที่สำคัญ กลิ่นของใบยี่หร่ามันหอมอ่อนๆ อโรม่าสุดๆ กินแล้ว คือ มีความสุขมากๆ

ไก่ย่างของเราเหลือ แล้วไม่ต้องทิ้งนะคะ เอามาแปรรูปได้สารพัดเมนู จะทำแกงเผ็ด แกงกะทิ หรือ เอามาคั่ว มารวนแห้งปรุงรสเพิ่มอีกเล็กน้อย เราก็ได้เมนูใหม่ๆขึ้นมา ผัดกะเพราก็น่าอร่อยนะ
พลอยศรีว่าไก่ย่างของเราอร่อยแล้ว แต่กินบ่อยเข้าก็เบื่อ จะทิ้งก็เสียดาย เพราะใช้ทรัพยากรไปมากโข กว่าจะมาเป็นไก่ย่างมาหนึ่งจาน ถ้าคิดย้อนไปตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำใช้เวลายาวนานมาก ดังนั้นเหลือจากกินเราก็เก็บเอามาคิดๆปรุงเป็นเมนูอื่นๆไปเนาะ
เราทำอาหาร เรากินได้มันไม่ผิดหรอก ชีวิตมีความสุขได้ ด้วยความพอเพียงอย่างเพียงพอ ก็แบบนี้แหละพลอยศรีสไตล์ อิอิ งกๆแบบมีความสุข และยิ่งเห็นผลงานที่รังสรรค์ออกมาน่ากินก็ยิ่งปลื้มใจ แฮ่แฮ่
และเพื่อนๆล่ะ ถ้าไก่เหลือเอาไปทำอะไรกัน …
วันนี้กินผัดพริก ผัดเผ็ดแล้ว คิดถึงพ่อกับแม่ที่บ้านนอกอีกแล้ว เพราะ รสชาติเหมือนที่กินมาตั้งแต่เด็กๆเลย ผัดพริกปลานิล ผัดพริกปลาช่อน ผัดพริกปลาหมอ ผัดพริกปลาสวาย โตมากับผัดพริกปลา ฮ่าฮ่า ถึงพริกแกงจะต่าง แต่ปรุงด้วยคล้าย รสชาติก็จึงใกล้เคียง สุขใจทุกคำเลย
ปล. อีกนิด ที่บ้านนอก แม่จะบอก มะเขืออ่ะใส่เข้าไปเยอะๆ จะได้กินผักเข้าไปด้วย กินแต่เนื้อจะเอาที่ไหนมากินล่ะ บรื๋อ ตอนหั่นมะเขือวันนี้นะ เสียงแจ๋วๆของแม่ลอยเข้ามาในโสทประสาทเลย ฮ่ะ ฮ่ะ สมัยก่อน ชอบคิด นี่มันมะเขือไร่ ไก่ตัวนึงรึอย่างไร ฮ่าฮ่า แต่เนาะ มันก็เป็นผักจริงๆ แต่วันนี้พลอยศรีใส่เล็กน้อย เพราะมันหมดพอดี ก็ยังดี ยังได้ใส่นะเออ
ขอยืมคำพูดเพราะๆจากละครมาซ่อนไว้ ฟังแล้วชอบดี เข้ากับอาหารวันนี้เลย ” รสชาติแปลกลิ้น รสงามแปลกตา” อิอิ