สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยศรีมาบันทึกแต่วัน เพราะว่าวันนี้พวกเราตั้งใจกันว่าจะลงไปเดินในสวน แต่ขณะที่ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวลง อยู่ๆฝนก็ตกลงมาซู่ใหญ่ จากตอนแรกที่ลมพัดเย็นๆอากาศกำลังสบายๆก็แปรเปลี่ยนเป็นฝนตกท้องฟ้ามืดทมึนในชั่วพริบตาเลยค่ะ เป็นอันว่าแผนการของเราถูกล้มเลิก หันหน้าเข้าครัว ชงกาแฟมานั่งจิบเคล้าสายฝนไปก็แล้วกัน
ช่วงเวลาก็ผ่านไปฝนตกไม่ยอมเลิกลา ดูท่าแล้วคืนนี้เราต้องทำอาหารอะไรที่มันร้อนๆอุ่นๆท้องๆ ตอนแรกพลอยศรีก็ตั้งใจเสียดิบดีว่าคืนนี้พลอยศรีจะทำยำไข่ดาว เพราะไม่ได้ทำมานานรู้สึกอยากจะกิน แต่พอฝนตกอากาศหนาว ค้นตู้เย็นดูก็เห็นถุงเห็ด ตอนที่ซื้อตั้งใจว่าจะผัดเห็ด แต่ตอนนี้อากาศเปลี่ยน เมนูก็เลยขอเปลี่ยนตาม วันนี้ขอทำต้มข่าเห็ดก็แล้วกัน ง่ายๆ ซดน้ำร้อนๆ อุ่นท้อง อุ่นใจ ต้มข่าก็นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ทำ
ต้มข่าวันนี้เน้นสไตล์มังสวิรัติ เพราะว่าพลอยศรีชอบแบบนี้ ทำก็ง่าย กินก็ง่าย ไปทำกันดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับต้มข่าเห็ด
- ข่าอ่อนหั่นบางๆ
- ตะไคร้ทุบ
- พริกขี้หนูบุบ
- หอมแดงบุบ
- ใบมะกรูด
- เห็ดที่ต้องการ
- หัวกะทิ และ หางกะทิ
- เกลือ
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำมะนาว
- พริกแห้งทอด
เครื่องปรุงและปริมาณก็ตามสไตล์พลอยศรีค่ะ คือ ไม่ชั่งตวงวัดในส่วนของอาหาร แต่จะกะเอาด้วยสายตา และก็ทำไปปรุงไป ให้ได้ตามความต้องการ พลอยศรีเชื่อว่า การทำอาหารมันไม่มีรสชาติที่ตายตัว ขอแค่เรามีวัตถุดิบก็พอ นอกนั้นคือ การปรุงให้ถูกปาก
เริ่มทำกันดีกว่าค่ะ พลอยศรีทำง่ายๆเลย ใช้เวลาแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีเราก็ได้ต้มข่าร้อนๆถ้วยโตๆมาซดน้ำอย่างคล่องคอ เริ่มเลยดังนี้
เอาหางกะทิใส่หม้อต้มให้พอร้อนๆ ไม่ต้องเดือด เพราะไม่อยากให้กะทิแตกมัน ใส่เครื่องต้มสมุนไพลลงไป ได้แก่ ข่าอ่อน ตะไคร้ ใบมะกรูด หัวหอมบุบ ยังไม่ต้องใส่พริกนะคะ เก็บใบมะกรูดไว้โรยหน้านิดหน่อยด้วย เพื่อความเขียวสวย “อิอิ” หมั่นคนเพื่อป้องกันเดือดและใช้ไฟอ่อน


เมื่อต้มและคนไปสักครู่ ได้กลิ่นหอมของตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดโชยออกมา ก็ทำการปรุงรสเลยค่ะ เริ่มต้นด้วยการใส่น้ำมะขามเปียก เกลือ และน้ำตาลปี๊บลงไป จากนั้นก็ชิมให้ได้รสที่เราถูกใจ … ต้มข่า รสชาติจะกลมๆ ไม่เปรี้ยว ไม่เค็ม ไม่หวาน รสชาติจะแบบคนเมืองๆ ไม่จี๊ดจ๊าดเปรี้ยวแซ่บ เผ็ดเว่อร์แบบต้มยำนะ (อิอิ)



ปรุงรสถูกใจ ก็ใส่เห็ดตามลงไปเลยค่ะ … เห็ดนั้นสุกง่าย พลอยศรีจึงปรุงรสให้เสร็จก่อน เพราะไม่อยากให้ต้มเห็ดนานเกินไปเดี่ยวจะเละไม่อร่อย …. เมื่อใส่เห็ดและรอสักครู่ พอเห็นว่าเห็ดสุก ก็ใส่พริกขี้หนูบุบ และใบมะกรูดที่แบ่งไว้ใส่ลงไปเลยค่ะ ใส่พริกตอนท้ายทำให้น้ำแกงไม่ค่อยเผ็ดมาก และ ตามด้วยหัวกะทิที่เหลือ ใส่แล้วคนให้เข้ากันรอสักครู่ก็ปิดแก็สได้เลย



ปิดแก็สแล้ว หอมมากๆเลยค่ะ แอบชิมอีกที อืมอร่อย ” ฮาฮา” พลอยศรีว่าแม่บ้าน พ่อบ้านเป็นกันทุกคน คือ อดไม่ได้ที่จะชิมบ่อยๆและยิ้มแก้มปริ ทีนี้ก็พักไว้ก่อนค่ะ ถ้ายังไม่กิน …
แต่ถ้าจะกินเลยก็ใส่น้ำมะนาวลงไป และก็ตามด้วยพริกทอด ถ้าใครใส่ผักชีด้วย จะผักชีใบเลื่อย ผักชีอะไรก็ใส่ไปได้เลยค่ะ และตักเสิร์ฟร้อนๆ … แต่ถ้ายังไม่ทานทันที ปิดแก็สพักแล้ว พอจะทานอุ่นร้อนๆอีกที และก่อนเสิร์ฟก็ค่อยใส่น้ำมะนาว พริกแห้ง และผักชีนะคะ จะได้รสเข้มๆ ผักสวยๆ ไม่เหี่ยว และพริกไม่นิ่ม หอมน้ำมะนาวสดๆ



เสร็จแล้ว อิ่ม และอร่อยมากๆเลยค่ะ ทุกช้อนที่ตักจ้วงซดน้ำแกง อื้อ ฮือ หวานๆ มันๆ เปรี้ยวนิด เค็มหน่อย หอมพริกทอด เผ็ดแค่พอรู้รส … ต้มข่า คือ อาหารรสกลมๆ รสคนเมือง จริงๆนะ (อิอิ) พลอยศรีซดหมดถ้วยเลย คู่กับเห็ดกรุบๆ คือ อร่อยมากๆ พลอยศรีชอบ ถ้าใช้กะทิสดก็จะยิ่งหอมเบาไปอีก แต่เราก็เอาสะดวกเนอะ และวันนี้ผักชีอะไรไม่มีค่ะ ก็ใส่ตามที่เรามี ไม่ใส่ก็ไม่ผิดหรอกหนา ปลอบใจตัวเอง ( อิอิ)
วันนี้พลอยศรีทำแบบมังสวิรัติจึงใช้เห็ด ใช้เกลือ แต่ถ้าจะต้มกับไก่ด้วย เราก็ต้องเอาไก่ไปต้มกับเครื่องสมุนไพลและน้ำหางกะทิจางๆก่อนจนไก่สุกดีจึงค่อยใส่กะทิหนักๆลงไป เราก็จะได้ไก่นุ่มๆ น้ำกะทิขาวๆ เนื้อเนียนๆไม่แตกมัน เนื่องจากต้มนานเกินไป พลอยศรีก็ไม่รู้นะถูกต้องไหม แต่รู้สึกมาแบบนี้ว่า ต้มข่ากะทิต้องขาวๆ ไม่แตกมัน สมัยก่อนที่บ้านนอกเค้าชอบแกงกับไก่บ้าน เนื้อเหนียวๆ ใส่ข่าอ่อนสีชมพู พลอยศรีชอบกินมากๆ
พอโตมาไปแถวๆอยุธยา เค้าทำแกงแบบนี้แต่แกงกับเนื้อ แต่เค้าเรียกว่าแกงขาว พลอยศรีกินแกงขาวของอยุธยา รู้สึกว่าเหมือนต้มข่าที่บ้านเราแต่ใช้เนื้อวัวแทนเนื้อไก่ และรสชาติก็เหมือนต้มข่าเลย แต่กะทิแตกมันลอยสองชั้นเหมือนแกงเขียวหวาน คิดแล้วก็คิดถึง อร่อยดี อยากกินอีกจัง
สำหรับวันนี้ ยิ้มกว้าง สุขใจ สวัสดีค่ะ