สวัสดีค่ะวันนี้วันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์สักที พลอยศรีเชื่อว่าคนที่ทำงานหลายๆคนคงตั้งตารอกันแน่นอน พลอยศรีก็ไม่ต่างกันค่ะ คริคริ
วันนี้พลอยศรีจะมาบันทึกเล่าเรื่องราวการเก็บบ้าน และทำความสะอาดครั้งใหญ่ในรอบหกเจ็ดเดือนที่ผ่านมา จำได้ว่าทำครั้งล่าสุดก็คงช่วงต้นๆเดือนมีนาคมค่ะ เพราะว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องของพลอยศรีพากันมาเที่ยวหาช่วงนั้น ซึ่งพลอยศรีก็ได้ทำการเก็บบ้านทำความสะอาดรอ แต่ช่วงนั้นแค่เน้นการทำความสะอาดทั่วๆไป และเก็บแค่ห้องครัวเป็นหลัก แต่ห้องอื่นๆก็แค่ทำความสะอาดเก็บแอบเฉยๆ แต่ก็รู้สึกว่าทิ้งไปหลายถุงเช่นกัน อิอิ
เรื่องราวการเก็บคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาค่ะ คือว่าพลอยศรีเดินเข้าครัว ห้องเก็บพวกวัตถุดิบอุปกรณ์ทำครัว และลังใส่ของต่างๆ ก็เห็นข้าวของดูไม่เป็นระเบียบเลย กระจัดกระจาย ตั้งระเกระกะไปทั่ว ส่วนลังที่เคยจัดไว้ก็ได้ทำการรื้อ และก็โยนใส่ไปใหม่ พอจะใช้ก็เกิดการคุ้ยหา มันก็เลยปะปนกันไปหมด แต่ก็อย่างว่าหกเจ็ดเดือนก็นานพอสมควรนะที่ไม่ค่อยได้ไปยุ่งสนใจ แค่เช็ด ถูทำความสะอาดผ่านๆเฉยๆ
พลอยศรีก็ทำความสะอาดบ้านทั่วๆไปแต่เราอาจไม่ได้จัดระบบ ระเบียบตลอดเวลา อะไรได้มาก็ตั้ง กอง โยนใส่ลัง เมื่อต้นสัปดาห์องค์ลงประทับค่ะ ตั้งใจว่าวันนี้นะฉันจะเก็บครัว ฮ่าฮ่า วันนั้นตื่นแต่เช้าเลยค่ะ และก็จัดการเลยเริ่มต้นรื้อค้นทุกสิ่งออกมากอง กองมันเต็มครัวไปเลย เอาออกมาจากลัง จากชั้น จากนั้นก็ทำความสะอาดชั้น ทำความสะอาดลัง เช็ดฝุ่นถุง หีบห่อ แล้วค่อยๆจับตั้งเรียง จับใส่ลงไปใหม่
ใช้เวลากว่าครึ่งวันก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ ได้ชั้นที่ดูสะอาดตาเป็นระเบียบ และในลังก็รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง และก็แถมด้วยการนำขยะถุงโตออกไปหนึ่งถุงใหญ่ๆค่ะ ขยะมีอะไรบ้างล่ะ ก็จำพวกถุง หีบห่อ เล็กๆน้อยๆที่หลงเหลือก้นๆถุงและเราก็มัดยางไว้จนลืม และกล่องพลาสติกใส่อาหาร ใส่ขนมที่เราซื้อมากินหมดเห็นสวยดีก็เก็บไว้เดี๋ยวเผื่อจะใส่อะไร ทีนี้เราก็ไปตลาดทุกวันเสาร์ทำให้กล่องต่างๆก็งอกเงยขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เราก็ไม่ได้หยิบมาใช้ไง และอื่นๆอีกมาก อีกทั้งพวกแป้ง พวกถั่วที่ไม่ได้ใช้นานๆก็เสียเก่าเป็นมอด พลอยศรีก็ทำการโละทิ้งออกไป โดยการเอาถุงขยะมาอ้าปากรอ อะไรทิ้งก็โยนลงไปเลย จับคลำให้ความรู้สึกว่าไม่เคยหยิบใช้เลยก็โยนโลด พวกกล่องสวยๆทั้งหลาย ไม่ต้องเสียดายแล้ว
หนึ่งวันวุ่นวายกับการทำความสะอาดห้องครัว หลังจาก‘ทิ้งขยะ’ ออกไปถุงโต มันทำให้พลอยศรีได้ความรู้สึกโล่ง รู้สึกเบา รู้สึกสะอาด และรู้สึกว่าของที่มีอยู่ คือของที่เราใช้จริงๆ เพราะในความเป็นจริงเราก็ใช้อยู่แค่ไม่กี่อย่าง และหยิบใช้แต่ของที่คุ้นมือ ที่เหลือส่วนเกินเรามักคิดว่า เอามาตั้งไว้เผื่อใช้ อะไรแบบนี้ สุดท้ายบางทีเราก็ลืมว่ามี
เอาจริงๆ พลอยศรีก็ไม่ได้ซื้อข้าวของอะไรมากมายให้มาสะสม ของต่างๆก็พวกของใช้จำเป็นทั่วๆไป แต่พวกหีบห่อทั้งหลาย บางทีมันสวยดีก็เสียดายที่จะทิ้ง นานๆเข้ามันก็กลายเป็นรกไง และพลอยศรีก็คงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง คือ ไม่ชอบรก ไม่ชอบอะไรเยอะๆ ชอบความโล่ง ชอบความโปร่ง ดังนั้น ด้วยความชอบส่วนตัวแบบนี้ก็เลยค่อนข้างกล้าโยนอะไรทิ้งง่ายๆ ‘ไม่ชอบอะไรรุงรัง’
วันต่อจากห้องครัว เนื่องว่าห้องครัวสะอาดแล้ว ก็ลามมาห้องเก็บของค่ะ ห้องเก็บของนี้พลอยศรีไม่ได้ให้ความสนใจเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แบบว่า อะไรก็โยนเข้าห้องเก็บของไว้ ห้องนี้มันแอบอยู่แล้ว และมันชื่อห้องเก็บของมันก็เก็บทุกอย่างจริงๆ ฮาฮา อะไรๆที่ไม่ใช้ก็โยนเข้าห้องเก็บของ คือไม่ได้ทิ้ง ไปโยน ไปยัด ไปวางๆไว้ ‘เดี๋ยวก่อน’ นานๆเข้ามันก็เพียบค่ะ (สำหรับคนอื่นๆอาจบอกไม่มีอะไร สำหรับพลอยศรีถ้ามองไปแล้วไม่เห็นของทันทีคือ รก อิอิ)
เหมือนเดิมค่ะ รื้อของออกมากอง อะไรใช้ก็เหวี่ยงซ้าย อะไรไม่ใช้ก็เหวี่ยงขวา สุดท้ายแล้วครึ่งวันเช้าผ่านไปเราก็ได้ขยะกองโต ขยะของพลอยศรีก็คือ ลังกระดาษ หีบห่อจากไปรษณีย์ แผ่นกันกระแทก ถุงกระดาษ รองเท้าเก่าๆ และของอะไรอีกมากมายที่เก็บครั้งก่อน คือก่อนเดือนมีนาคมและก็ปีที่ผ่านมา คิดว่าเดี๋ยวอาจจะใช้ แต่ผ่านไปหกเดือนก็ไม่เคยงัดออกมา หนึ่งปีก็ไม่เคยถามหา เราใช้อะไรเราก็รู้อยู่ แต่ส่วนใหญ่เก็บไว้ก่อนเผื่อใช้จะทิ้งก็เสียดายเดี๋ยวไม่มี
คราวนี้ทิ้งโลดค่ะ จับแล้ว คลำแล้วไม่รู้สึกผูกพันเหวี่ยงเข้ากองขยะค่ะ สุดท้ายได้ออกไปสองถุงขยะโตๆ รวมทั้งขวดโหลกระเบื้องอีกสิบกว่าใบ พวกขวดกาแฟ ขวดซอส ขวดน้ำผลไม้สวยๆ เห็นว่าเป็นโหลแก้วดีเก็บไว้ก่อน หลายเดือนเข้ามันก็งอกค่ะ ฮาฮา โละโลด ทิ้งค่ะ เหลือไว้แค่สี่ห้าใบเผื่อใช้แค่เพียงพอ พอช่วงบ่ายก็เก็บของเข้าที่จัดวางให้รู้อะไรอยู่ตรงไหน
สรุปว่าวันนั้นพลอยศรีก็ปวดหลังเลยค่ะ ก้มๆเงยๆ สองวันติดๆกัน แต่มันก็มีความสุขมากนะที่เดินเข้าไปแล้วเรามองเห็นว่าอะไรอยู่ที่ไหน เรามีอะไรบ้าง มันตั้งวางเรียบร้อย พร้อมหยิบใช้ คือให้ความรู้สึกสะอาดโปร่งๆ มีพื้นที่ให้วางอีกมาก จากแต่ก่อนรู้สึกมันเต็มจนล้น จนกองเอาไว้ที่พื้นก็มี วันนี้มองเข้าไปรู้สึกห้องเบามากๆ ห้องคงรู้สึกขอบคุณที่หายใจสะดวกขึ้น ฮาฮา
หยุดพักไปหนึ่งวันค่ะ อีกวันก็องค์ลงอีกรอบ คราวนี้เข้าห้องเก็บผ้าและห้องนอนค่ะ ซึ่งห้องเก็บผ้าไม่ได้เก็บมาประมาณปีกว่าๆแหละ จำได้ว่าเก็บครั้งก่อนน่าจะช่วงๆกลางปี ก็ได้ออกไปถุงย่อมๆ คราวนี้โละอีกรอบค่ะ ขนออกมากองหมดตู้อีกเช่นกัน และก็พบว่าสุดท้ายแล้วที่เราใส่อยู่ประจำมีเพียงไม่กี่ชุด ใส่กางเกงยีนส์อยู่แค่3 ตัว ใส่เสื้ออยู่ไม่กี่ตัว
ชุดเก่าๆที่คิดว่าเก็บไว้ใส่อยู่บ้านหลายชุดก็ถูกพับไว้ไม่เคยงัดออกมาใส่ สุดท้ายค่ะ พับๆและก็ใส่ถุงขยะถุงโตนำออกจากบ้านไป เสื้อผ้าพลอยศรีก็ไม่ได้ซื้อเลยในช่วงปีที่ผ่านมาก็เก็บใส่ของเก่า แต่ก็มีของเก่านานๆที่เคยซื้อไว้หลายๆปีมันก็สะสมมาเรื่อยๆก็พยายามเก็บออกเวลาเก็บโละ แต่ก็จะมีแบบเอาไว้ก่อน เอาไว้ใส่อยู่บ้าน สุดท้ายก็ไม่เคยงัด และมันก็นอนหนักตู้ เปิดไปมีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่หาอะไรใส่ไม่ได้ เพราะเราชอบตัวเก่งก็จะใส่ซ้ำๆ สุดท้ายก็เหมือนเดิมค่ะ จับคลำ ให้ความรู้สึกไม่ผูกพันก็ไปเถอะ
ห้องนอนก็พวกกล่องครีม กระปุกครีม ซองยา อะไรไม่รู้แกะแล้วก็ไม่ทิ้ง ลิปสติกเก่าๆเก็บไว้เผื่อใช้แต่ก็ทาแต่สีที่ชอบ ก็ทำการทิ้งโลดค่ะ เก็บไว้แต่ที่เราใช้จริงๆ และก็เช็ดทำความสะอาด แบบโล่งเลย มีแป้งทา มีครีมที่ใช้ มีของที่ใช้จริงๆไม่ใช่เก็บเก่าจนหมดอายุ เพราะเสียดาย
และแล้วอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ก็เป็นอาทิตย์แห่งการทำความสะอาด ห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องเก็บผ้า ห้องนอน ทุกอย่างดูเบาตาเบาบาง ยิ่งตู้เสื้อผ้า คือ โล่งมาก มีไม่เยอะแต่ก็ออกไปเกือบครึ่งที่มี เหลือไว้คือที่ใช้จริงๆแล้ว งานทั่วไป งานสังคม ใส่อยู่บ้าน ไม่เยอะ แต่ใช้งานจริง
มันเป็นความสุขที่เดินเข้าไปตรงไหนก็รู้สึกสบายตา เพื่อนๆที่รู้จักกันหลายๆคนมาบ้าน เห็นบ้านพลอยศรีแล้วก็ถามว่าอยู่มากี่ปีแล้ว คือ เอาจริงๆนะ พลอยศรีอยู่มาเลย์มาสิบกว่าปีแล้ว แต่บ้านพลอยศรีมีของเหมือนคนเพิ่งย้ายมาอยู่ไม่กี่เดือน ฮาฮา คือ มองไปมันก็ไม่มีอะไรอ่ะ มีโต๊ะกินข้าว มีโซฟา มีทีวี ตู้เย็น มีครัวจบ ครัวก็เก็บเหมือนจะไม่มีอะไร
เดินเข้ามามันมีแค่ความโล่งจริงๆนะ ของกระจุกระจิกตั้งตกแต่งทั่วๆไปก็ไม่มีเหมือนคนอื่นเขา ไปเที่ยวไหนก็ไม่เคยหอบอะไรมาตกแต่งบ้าน รูปถ่ายก็ไม่แขวน ฮาฮา มีรูปตั้งใส่กรอบไว้สองอัน พอดีเพื่อนให้กรอบรูปมาเป็นของขวัญ เลยเอามาใส่ ขี้เกียจเช็ดฝุ่น ขี้เกียจซื้อของมาให้เปลืองเงิน ขี้เกียจต้องมาดูแลรักษา ถ้าอยากได้ บางทีซื้อที่ติดตู้เย็นอันเล็กๆหนึ่งอัน พอและ และก็เอามาติดให้มันกองรวมกันอยู่แค่ตู้เย็นนั่นแหละ ไม่ต้องไปตั้งเกะกะทั่วบ้าน ฮาฮา
เวลาที่บ้านมันโล่ง มันก็ทำความสะอาดง่ายเนาะ เอาไม้กวาดหรือที่ดูดฝุ่นมากวาดๆ ดูดๆไม่มีอะไรมากีดขวางให้ต้องระมัดระวัง จะเฉี่ยว จะชน จะตกแตก โต๊ะ เค้าน์เตอร์ต่างๆไม่มีอะไรมาตั้งวาง เวลาเช็ดก็เอาผ้าปาดยาวๆเลย
และก็เนี่ยแหละค่ะพลอยศรีสไตล์ ใช้ชีวิตง่ายๆ อยู่แบบมินิมอล มีแค่ที่เราจำเป็นใช้สอยจริงๆ อะไรที่ไม่จำเป็นก็พยายามผลักออก ห้าหกเดือนก็หันมาดูบ้านสักทีว่ามีอะไรงอกเงยออกมาบ้าง มีอะไรที่เราใช้จริงๆบ้าง และมีอะไรบ้างที่เราเก็บลืม
พลอยศรีว่าแต่ละคนก็มีการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบสะสมของต่างๆ บางคนก็ชอบความโล่ง บางคนก็ชอบตั้งวางของที่เป็นเมมโมรี่แห่งความสุข บางคนก็ชอบตั้งวาง หรือแขวนประดับรูปถ่ายของคนในบ้าน บางคนก็ชอบตกแต่งด้วยถ้วยโถ โอชาม แจกันดอกไม้ แต่พลอยศรีเก็บมันทุกอย่างเข้าตู้ทึบปิดเลย ไม่เห็น ไม่ดู แค่รู้ว่าเรามีใช้ก็พอ ฮาฮา โชคดีที่ผู้ชายก็ไม่ใช่นักสะสม พลอยศรีเลยง่ายในการทำความสะอาด
และนี่ก็เป็นบันทึกส่งท้ายวันสุดสัปดาห์ ที่พลอยศรีทุ่มตัวก้มๆเกยๆ เก็บมาหลายวันและผ่านไปด้วยดี จากนี้กิจกรรมการจัดเก็บ โละ ลด ก็คงจะเกิดขึ้นอีกสี่ห้าเดือนข้างหน้า เราทำความสะอาดเรื่อยๆก็ทิ้งไปขยะเล็กๆน้อยๆ แต่พวกของสะสมต่างๆ สี่ห้าเดือน หกเดือนเราจะเริ่มเห็นความแตกต่าง พลอยศรีแนะนำเลยนะคะ ว่าบ้านของเราให้ใหญ่แค่ไหนมันก็เต็มถ้าเรามีแต่นำเข้าแต่ไม่นำออก หลายๆคนบอกว่าอยากมีบ้านโล่งๆบ้านเต็มไปหมด นั่นเพราะเราสะสมค่ะ
ถ้าอยากโล่ง ต้องกล้าโละค่ะ พลอยศรีใช้วิธี จับคลำ ถ้าไม่รู้สึกผูกพันแล้ว จับแล้วเฉยๆ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ทิ้งโลดค่ะ เวลาเลือกซื้อของก็คิดพิจารณาดีๆว่ามันจำเป็นไหม เพราะถ้าไม่จำเป็นวันนี้ซื้อแค่ชอบ ผ่านไปเดี๋ยวเราก็เบื่อ และเราก็ทิ้ง แต่ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดายซื้อมาแล้วก็จะกลายเป็นรกไป
โชคดีที่ตึกของพลอยศรีมีตู้รีไซเคิล พลอยศรีเลยง่ายและสะดวกมาก อะไรใช้ได้เราก็แยกไปใส่ตู้รีไซเคิลพวกกล่องขวดโหล เสื้อผ้าเราโละ แต่เราก็พับแยกให้ดี ออกจากบ้านเราไปอาจยังมีคนอื่นๆที่เค้าต้องการเนาะ
สำหรับวันนี้ วันดีๆ สุขใจยิ้มกว้างสวัสดีค่ะ