หิ่งห้อยกับการรอคอย

สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยศรีจะมาบันทึกเรื่องราวของการรอคอย และเกิดขึ้นเป็นความสุข พลอยศรีเชื่อว่าหลายๆคนไม่ชอบการรอคอย และรู้สึกว่าการรอคอยเป็นเรื่องน่าเบื่อ ชอบอะไรเร็วๆ อยากได้ก็ได้ทันที อยากทำก็ทำทันที โดยไม่สนว่าจะเกิดอะไรตามมาหลังจากนั้นขอให้ตอนนี้ได้ก่อนก็แล้วกัน วันนี้พลอยศรีจะมาบันทึกเรื่องราวนี้ค่ะ ให้ชื่อว่า ความสุขจากการรอคอย หรือ หิ่งห้อยกับการรอคอย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พลอยศรีได้ฟังมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ฟังแล้วก็ผ่านไปค่ะ ตอนที่ฟังก็ว่าเออดีนะ แต่พอฟังจบก็ลืม พอดีวันนี้พลอยศรีได้อ่านข่าวสารตอนเช้าแล้วเห็นเรื่องราวคล้ายๆกัน ก็เลยพาลให้คิดถึงเรื่องราวของหิ่งห้อยขึ้นมาก็เลยกลับไปค้นหาฟังอีกครั้ง พอฟังจบก็คิดว่าต้องเอามาบันทึกเก็บไว้นะ เรื่องนี้ดีจริงๆ และอธิบายบอกเล่าได้เห็นภาพชัดเจนมากๆได้ฟังอีกครั้งก็เหมือนขัดเกลาจิตใจไปในตัว

และพลอยศรีก็มีประสบการณ์มากมายกับเรื่องการรอคอยและสุดท้ายกลายเป็นความสุขเกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยเช่นกันที่อยากได้ทันด่วนและก็เกิดทุกข์ตามมาเช่นกัน ว่าและไปอ่านกันดีกว่าค่ะ คิดซะว่าเป็นนิทานก่อนนอนก็แล้วกัน

ณ. หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กน้อยอาศัยอยู่กับปู่ที่มีฐานะยากจน เค้ามักมีความรู้สึกว่าไม่ว่าจะอยากได้อะไรปู่ของเค้ามักบอกว่าให้รอก่อนอยู่ร่ำไป วันหนึ่งปู่ก็ชวนเด็กน้อยไปปลูกผักและบอกว่าเราต้องปลูกผักกินเองนะจะได้ไม่ต้องไปซื้อเขา และวันหนึ่งเด็กน้อยนึกอยากจะกินอาหารในเมืองเหมือนกับคนอื่นปู่ก็บอกให้เค้ารออีกเช่นเดิม โดยบอกว่า “รอก่อนนะเดี๋ยวถ้าเราขายผลผลิตได้แล้วปู่จะพาไปกิน”

อยู่มาวันหนึ่งเด็กน้อยทนไม่ไหวก็เดินไปถามปู่ว่า “ทำไมนะเวลาที่ผมอยากจะได้อะไรปู่ต้องบอกให้รอก่อนอยู่ร่ำไป ทำไมไม่พาไปทันที” ปู่ก็ตอบว่า “เพราะว่าเราไม่มีเงินอย่างไรล่ะหลานเอ๋ยเราจึงต้องรอ”

เด็กน้อยก็ถามปู่ว่า “ทำไมเราถึงไม่ไปหยิบยืมหรือเป็นหนี้มาก่อนเล่า ข้าเห็นใครๆเขาเป็นหนี้กันทั้งนั้น จะได้ๆอะไรทันใจหน่อย”

ปู่จึงสอนหลานว่า “หากไม่ใช่เรื่องจำเป็นเราก็ไม่ควรสร้างหนี้นะหลาน หากเรารอนิดหน่อยเราก็จะไม่เป็นหนี้ และเราก็จะมีความสุข”

เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าการรอคอยมันจะมีความสุขได้อย่างไร การจะมีความสุขได้มันต้องได้ทันทีสิ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าเขาเก็บความสงสัยพร้อมความไม่เข้าใจปู่แล้วบ่นว่าข้าชักจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทำไมปู่ของข้าจึงมีนิสัยผิดแปลกไปจากคนอื่นเช่นนี้ คนอื่นเวลาเค้าอยากได้อะไรก็แค่เป็นหนี้ก็ได้ของมาแล้ว ไม่เห็นต้องรออะไรเลย จึงตัดสินใจออกเดินทางไปหานักพรต

เมื่อเดินทางไปถึง เขาก็เล่าเรื่องราวของปู่ให้นักพรตฟังและถามว่ามีสิ่งวิเศษอะไรที่สามารถเปลี่ยนนิสัยของปู่ได้บ้าง นักพรตเมื่อได้ฟังก็บอกสอนว่า “การรอคอยก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วนิ เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักยับยั้งชั่งใจ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเพียร เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าปู่ไม่ดีล่ะ”

เด็กน้อยก็ตอบว่า “ก็คนอื่นเขาไม่เห็นต้องรออะไรเลย อยากได้อะไรเขาก็ได้ทันที ถ้าไม่มีเงินเขาก็ไปหยิบยืมหรือเป็นหนี้ก็ได้”

นักพรตจึงบอกว่า “การยืมเงินนั้นทำให้เกิดความกังวลที่จะต้องหามาใช้คืน และเวลาจ่ายคืนก็ต้องจ่ายมากกว่าเดิม ดังนั้นก็จะทำให้ความสุขของเราลดลง แต่ถ้าหากเรารู้จักรอ รอให้เป็น เมื่อขณะที่รอเราก็มีความสุขเพราะเรานึกถึงสิ่งของที่เราจะได้ และเมื่อได้มาด้วยความยากลำบากมันก็มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า และทำให้เรามีความสุขมากกว่าเดิม”

เด็กน้อยเมื่อได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจและถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งรอก็ยิ่งทุกทรมานเหมือนจะขาดใจ ผมไม่เชื่อหรอก ผมอยากได้ของวิเศษที่จะไปเปลี่ยนนิสัยปู่ให้ตามใจ อยากได้อะไรก็ซื้อให้ทันที มีหรือไม่ครับ

เมื่อนักพรตได้ฟัง ก็บอกทางให้เด็กน้อยไปที่เกาะกลางบึงแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีแมลงประหลาดที่บินได้และมีแสงในตัวเอง และถ้าเจ้าจับแมลงประหลาดนั้นได้ เมื่อเจ้านึกถึงสิ่งใดเจ้าจะได้สิ่งนั้นทันที

เด็กน้อยได้ฟังก็รีบออกไปทันที แต่เมื่อไปถึงเกาะนั้นเด็กน้อยเดินไปเดินมาก็ไม่เห็นแมลงประหลาดสักตัว จึงกลับมาหานักพรตเพื่อถาม นักพรตจึงตอบว่า แมลงตัวนี้จะออกมาตอนกลางคืนเท่านั้น เด็กน้อยก็กลับไปที่เกาะนั้นตอนกลางคืนอีกที แต่พอไปก็ไม่เห็นแมลงประหลาดอีกเช่นเคยจึงกลับมาหานักพรตอีกครั้ง นักพรตได้ฟังจึงถามว่าเจ้าไปอย่างไร เด็กน้อยก็ตอบว่าผมก็ถือไฟส่องไปสิครับ นักพรตจึงบอกว่าไม่ได้ แมลงประหลาดนั้นไม่ชอบแสงไฟ เด็กน้อยจึงกลับไปที่เกาะอีกครั้ง คราวนี้เค้าไปในความมืดทำให้มองไม่เห็นทางจึงพลัดตกน้ำ ก็ทำให้ต้องเดินทางกลับมาหานักพรตอีก และถามว่าผมไม่มีไฟมองไม่เห็นทางแล้วผมจะไปที่เกาะนั้นได้อย่างไร นักพรตได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวว่า เจ้าก็ต้องไปตอนกลางวันสิแล้วรอให้ถึงเวลากลางคืน

เด็กน้อยผู้นั้นได้ฟังก็รู้สึกดีใจ เขาจึงเดินทางไปที่เกาะแห่งนั้นอีกครั้งพร้อมทั้งจินตนาการถึงหน้าตาของเจ้าแมลงประหหลาดนั่นว่าจะเป็นอย่างไรอย่างมีความสุข พอเมื่อถึงเวลากลางคืน เขาก็เห็นแมลงตัวหนึ่งบินเข้ามามีแสงสว่างในตัวเอง เด็กน้อยยื่นมือไปจับหวังว่าจะเอากลับบ้าน แต่สักพักฝูงหิ่งห้อยก็บินเข้ามาส่องแสงระยิบระยับไปทั่วบริเวณ เด็กน้อยเกิดความสงสัยเราก็ผ่านไปผ่านมาที่ป่าแถบนี้บ่อยๆนะแต่ทำไมเราไม่เคยเห็นสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้มาก่อนเลยนะ นั่นคงเป็นเพราะเราไม่รู้จักรอนั่นเอง

คิดได้เสร็จเด็กน้อยก็รู้สึกเบิกบานใจก็ปล่อยหิ่งห้อยในมือแล้วพูดว่า “เราไม่ต้องการเจ้าแล้ว เพราะเราเข้าใจแล้วว่าความสุขจากการรอคอยคืออะไร ที่ผ่านมาเราไม่มีความสุขเพราะเราอยากได้ทุกอย่างทันทีที่ต้องการ”

หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ไม่เคยใจเร็วด่วนได้ ไม่เอาใจไปผูกติดให้กระวนกระวายใจอีกเลย เพราะเขารู้จักที่จะรอ และในที่สุดเขาก็รู้จักความสุขจากการรอคอย นั่นเอง

ข้อคิดสะกิดใจ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

การรอนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการยับยั้งช่างใจและความเพียร การรู้จักรอได้รอเป็นนั้นเป็นอุปนิสัยที่ดีอย่างหนึ่งของผู้ที่จะประสบความสำเร็จเพราะการทำงานใหญ่ย่อมไม่สามารถทำได้ในเร็ววัน หากไม่รู้จักรอให้เป็นเย็นให้ได้ก็อาจรู้สึกท้อแท้และล้มเลิกไปเสียกลางคันได้โดยง่าย

และแล้วนิทานเรื่องหิ่งห้อยกับการรอคอยก็จบลง พลอยศรีรู้สึกว่าเอ๊ะ มันเหมือนความสุขจากแสงหิ่งห้อยมากกว่ารึเปล่านะ แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามก็บ่งบอกให้รู้ว่า รอนิดรอหน่อยเราก็จะได้ครอบครองสิ่งนั้นด้วยความสุขแน่นอนค่ะ และเราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นความสุขลึกๆที่ไม่ฉาบฉวย เป็นความสุขจากความภูมิใจ จากความอดทนแล้วเราก็จะหวงแหนและเห็นคุณค่ากับสิ่งของเหล่านั้น พลอยศรีชื่นชอบผู้คิดผู้แต่งมากๆเลยค่ะ อ่านแล้ว ดูแล้วเห็นภาพชัดเจนมากๆ พลอยศรีมีมากมายหลายประสบการณ์และก็รู้สึกว่าใช่ การรอคอยจะนำมาซึ่งความสุขจริงๆ

สำหรับวันนี้ สุขใจยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ

2 Comments

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s