ไก่ผัดหน่อข่าอ่อน

สวัสดียามเย็นค่ะ วันนี้พลอยศรีทำอาหารอร่อยเป็นมื้อสายๆ ชื่มเมนูว่า “ไก่ผัดหน่อข่าอ่อน” เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก กินข้าวเยอะเลย กินเสร็จก็หนังท้องตึง หนังตาหย่อน แทบไม่ได้งานได้การเลยวันนี้ จะหลับเสียตั้งแต่หัววัน

แต่แหม กินเสร็จก็จะนอนยังไงเนาะ กะว่าเดี๋ยวมาเปิดบันทึกและกัน ช่วงที่นั่งย่อยเราจะใช้เวลาบันทึกเมนูนี้ไปพลางๆ แต่สุดท้ายไม่สำเร็จค่ะ นั่งเฉยๆจะหลับเอาฝืนไม่ไหวเลย ก็เลยถือโอกาสไปทำกิจกรรมอื่นที่ต้องเดินไปเดินมา กวาดถูบ้านให้เรียบร้อย และไปก็ไปเอนนอนมางีบนึงจนได้ (แต่ก็สบายใจที่ได้งานก่อน)

ตื่นมาแล้วก็ต้องรีบชงกาแฟนำเข้าสู่เส้นเลือดใหญ่ไปสูบฉีดหัวใจสักหน่อย และค่อยๆมานั่งละเลียดจิบไป เอาละนะ พลอยศรีจะมาเล่าสู่กันฟัง ฮาฮา

เมนูไก่ผัดหน่อข่าอ่อนที่พลอยศรีทำวันนี้ ได้ดัดแปลงมาจากเมนูหมูผัดข่าอ่อน คือว่าปิดเมือง ปิดจังหวัด ปิดอำเภอมานานแรมปี พอเค้าเปิดได้ พลอยศรีก็ได้แล่นแจ้นไปหาพี่แมวเลยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นผู้ใหญ่ในมาเลย์ที่เปรียบเสมือนพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือมาหลายปี พอไปถึงพี่เค้าก็เอาหนังสือมากองให้พลอยศรีเป็นตั้งเลย บอกว่าเนี่ยพี่เตรียมไว้ให้เธอ เอาไปปรับประยุกต์ใช้ต่อไปในชีวิตได้

พลอยศรีก็รับมา พร้อมกับขนมนมเนยอิ่มหนำสำราญ (ตอนรับก็ไม่ได้ดูหรอกนะว่ามีอะไรบ้าง รู้ว่าเป็นหนังสือ ตำราอาหาร) พอมาถึงบ้านค่อยๆเปิดอ่าน ถึงกับร้องว้าวเลยค่ะ ซาบซึ้งใจ ค่อยๆเปิดอ่านไปรู้สึกว่าได้นำมาปรับใช้ได้จริงๆ ได้เมนูอาหารใหม่ๆหลายเมนูเลยที่อยากจะทำตาม ได้ดูการจัดตกแต่งให้สวยงาม สำรับอาหารชาวบ้าน อาหารชาววัง และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ว่าที่ไหนมีอะไรให้ท่องเที่ยว และที่นั้นเค้าทำอะไรกินกัน

เอาหละ ก่อนจะเยอะแยะมากความวันนี้พลอยศรีได้คัดลอกเมนูหมูผัดหน่อข่าอ่อนก่อนเลย จากตำราสำรับกับข้าวอาหารชาววัง ตำรับ ม.ล. พวง ทินกร ต้นตำรับอาหารไทยชาววังแห่งราชสกุล “ทินกร” ที่ได้รับการถ่ายทอดมาถึงปัจจุบันโดยทายาทชั้นหลาน…แต่เนื่องจากว่าที่บ้านเราไม่มีหมู มีแต่สันในไก่อยู่ พลอยศรีก็ทำกับไก่แทน อร่อยมากๆเลยแหละค่ะ ไปดูเครื่องปรุงกันเลย

ไก่ ผัดหน่อข่าอ่อน

ส่วนผสม จากตำรา

  • เนื้อเนื้อหมูสันนอกหั่นชิ้นบางพอคำ 200 กรัม
  • หน่อข่าอ่อนซอยชิ้นบาง 4 หน่อ
  • พริกขี้หนูโขลกพอแหลก 15 เม็ด
  • พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะพูนๆ
  • ใบมะกรูดซอยละเอียด 2 ใบ
  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
  • ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

พลอยศรีทำก็กะๆเอาไม่ได้ชั่งตวง แค่ดูว่าต้องใส่อะไร เวลาทำก็ชิมเอาตามชอบ ใช้สันในไก่แทนเนื้อหมู และพริกแกงก็กะเอาตามปริมาณไก่… ไม่ได้ใส่พริกขี้หนูโขลก เพราะว่าพริกแกงทำเองเผ็ดแล้ว

ส่วนข่าอ่อนนั้น ซื้อมาและซอยแช่แข็งไว้นานแล้วมันก็เลยดำๆหน่อย แต่อ่อนดีเชียว (ไปตลาดหาข่าอ่อนยากมากเลยค่ะ เจอแต่แก่ๆแข็งๆ พอเจออ่อนๆก็ซื้อเอามาเลย ซอยเก็บไว้ใส่คั่วกลิ้งบ้าง ทำต้มข่าบ้าง สีไม่ขาวสวย แต่พอกินแล้วอ่อนนุ่มเหมือนข่าอ่อนทั่วๆไปพอแก้ขัดได้ยามต้องการ ถ้าใครมีกอข่าอยู่หลังบ้านไปขุดมาใหม่ๆได้เลยนะ อิอิ)

ลงมือทำกันเถอะค่ะ ฝนมามืดแล้ว ลมแรงอู้เลย

เริ่มแรกให้เราคลุกเนื้อไก่กับผงขมิ้นให้เข้ากัน พักไว้

ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้พอร้อนๆ ใส่พริกแกงลงไปผัดจนหอม เติมกะทิให้หมดและผัดต่อจนงวด

เห็นว่ากะทิงวดลงไปหน่อย เอาเนื้อไก่หมักที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ผัดให้เข้ากันจนเนื้อไก่เริ่มตึงๆขาวๆ ก็ให้ทำการปรุงรสได้เลย ใส่เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และผัดให้สุกหอม ชิมรสชาติให้กลมกล่อม

ไก่สุกดีแล้ว ใส่ข่าอ่อน ใบมะกรูด (พริกโขลก) ลงไป คนให้ทั่ว ผัดต่อไปสักครู่จนน้ำแห้ง ปิดเตาจัดใส่จานเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ

เสร็จแล้วคร้า…. ตักข้าวร้อนมา ตักแกงชิม โอ้ย อร่อยมากๆ ไก่นุ่มนวลดีจังเพราะว่าเราเคี่ยวต้มกับหัวกะทิ หอมพริกแกง หอมข่าอ่อน ถึงแม้ใส่ไม่เยอะเหมือนในตำรา แต่ก็ยอมรับว่าอร่อยมากๆ คราวหน้าต้องมีซ้ำแน่ๆค่ะ ถ้าเจอข่าอ่อนอีกเมื่อไหร่จะซื้อมาแกงอีก อร่อยติดใจ

นี่พลอยศรีไม่ได้รอจนแห้งแบบในตำรานะ ยังพอมีน้ำขลุกขลิกให้พอคลุกข้าวได้นิดๆหน่อยๆ แต่ว่าอร่อยจัง กินข้าวสองจานเลยอ่ะ อิ่มจนจะหลับเลย

กินอาหารอร่อยก็คิดถึงผู้มอบตำรา พลอยศรีปลื้มใจจังค่ะที่พี่เค้าเอ็นดูเมตตามอบให้มาเยอะเลย ทุกๆเล่มมีคุณค่าจริงๆ อะไรที่เราไม่เคยกิน ไม่เคยรู้จักก็ได้ทดลองทำ ลดลองกิน รสชาติอาหารไทยแท้ๆ คลีนๆ ไม่ปรุงมาก ไม่มีสารปรุงแต่งแปลกปลอม ของพื้นๆแค่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เกลือ เท่านั้นก็เอาอยู่

อาหารหลายๆอย่างเรารู้จัก เราเคยทำกิน แต่เครื่องปรุงที่เราปรุงนั้นล้วนเพิ่มเติมเสริมแต่งเข้าไป แต่ในตำราจะสอนให้ปรุงอยู่แค่พื้นๆเท่านี้ กะปิ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ

อาหารบ้านๆ ผัดพริกไก่ธรรมดาที่ใส่แต่ใบมะกรูดพอมาเพิ่มข่าอ่อนเข้าไปหน่อยก็ช่วยขับลม เป็นเมนูพิเศษจากปกติทั่วไป หรืออาหารอื่นๆที่เราทำบ่อยๆพอรู้ แต่ก็ได้ดูวิธีจัดจาน จัดสำรับ จัดวางประดับในภาชนะต่างๆ เป็นอาหารท้อง อาหารตาในคราเดียวกัน ตามแบบชาววัง แต่เราอยู่นอกรั้ว ฮาฮา

พลอยศรีซึ้งใจ และคิดถึงคำกล่าวที่ได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง เค้าบอกว่า “ถ้าเรารักใครจงมอบหนังสือให้เค้า” ตอนนั้นอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พอเวลาล่วงผ่านมาตอนนี้เรารู้ว่า ถ้าเราให้หนังสือก็เหมือนให้ตำราเป็นใบเบิกทาง ให้เราไปต่อยอดในการใช้ชีวิตได้ หนังสือสอนหาเงินก็จะทำให้เรามั่งคั่ง หนังสือจิตวิทยาก็จะทำให้เราเข้าใจชีวิต หนังสือแนววิทยาศาสตร์ก็จะช่วยให้เราไม่งมงายกราบไหว้สิ่งไม่จำเป็น หนังสือธรรมะก็จะช่วยให้เราไม่แบกทุกข์หรือติดสุข ยึดอยู่กับสิ่งใดเกินจำเป็น และนี่ไงหนังสือตำราอาหารก็ช่วยให้เราไม่อด สามารถทำอาหารได้ ทำอาหารเป็น เรียนรู้ปรับประยุกต์ได้ทุกเมนู เป็นทักษะวิชาติดตัวไป

วันนี้ก็เย็นแล้ว ฝนลมแรงพัดผ่าน พลอยศรีจบบันทึกก็จะต้องเตรียมตัวไปทำอาหารของผู้นำสำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้ จากนั้นก็จะลงไปเดินกิจกรรมประจำวัน กินอิ่ม นอนงีบ ทำงาน ทำกิจกรรมกิจวัตรประจำวันของเราไป สุขใจอะไรก็ทำ อย่าไปก้าวล้ำทำสิ่งที่เราไม่ชอบกับใครเค้าก็พอเนอะ

สำหรับวันนี้ สุขใจ ยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ

อ่านเรื่องอื่นๆ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s