สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยศรีอยู่บ้านทั้งวัน เลยทำอาหารที่อยากจะกิน และรู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตง่ายๆ
หลายๆคนอาจจะไม่ชอบน้ำพริกกะปิ เพราะเหม็นกลิ่นกะปิ หลายๆคนอาจจะไม่ชอบพะโล้ เพราะไม่ชอบหมูมันๆ หรือหลายๆคนก็ชอบทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันออกไปเนาะ
วันนี้พลอยศรีเริ่มต้นวันด้วย กาแฟน้ำมะพร้าว กาแฟที่ดื่มทุกวันแบบนี้ตอนเช้า ถ้าเราอยู่ในบ้านเราจะไม่พลาดสักวัน แต่ตอนบ่ายก็ดื่มปกติ คือกาแฟดำ เพราะซื้อมาอาทิตย์ละกล่อง ถ้าดื่มเช้า บ่าย มันก็จะหมดไว ฮาฮา แต่ถ้าดื่มแค่วันละหนก็จะได้สามถึงสี่วันสบายๆ ..


ทำไม่ยากค่ะ เคยเล่าไปแล้ว คือ ชงกาแฟดำเข้มๆมา 1/4 แก้ว และเติมน้ำมะพร้าวลงไปให้เต็มแก้วหรือตามต้องการ และก็ดื่มปกติ .. เราจะได้กาแฟรสชาติหวานกลมๆไม่ขมมาก
อายุมากแล้วนักวิชาการทั้งหลายเค้าบอกดื่มมะพร้าวจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน พลอยศรีก็เลยดื่มมันไปทุกวัน ไม่มีน้ำมะพร้าวสดๆก็เอาน้ำมะพร้าวกล่องแบบนี้แหละค่ะ สะดวกดี ได้บ้างเสียบ้างเราก็ยอมรับแบบหลับตาข้างนึง
จากนั้นสายๆก็หุงข้าว แล้วรู้สึกว่าวันนี้อยากจะกินพะโล้จัง ตามสไตล์ค่ะ ครัวของเรา เราทำ เรากิน ดังนั้นชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น พลอยศรีไม่ชอบกินหมูหยุ่นๆ หรือน่องไก่ปีกไก่ที่มีหนังนิ่มๆในพะโล้เท่าไหร่ แต่ชอบกินไข่กับเต้าหู้และน้ำพะโล้หอมๆหวานๆ ก็จัดไป คือ ทำมันแบบไม่ใส่เนื้อสัตว์ไปเลย

ต้มไข่ 4 ฟองกับเต้าหู้กระดาน 2 ชิ้นทอดให้เหลืองๆ และก็ทำพะโล้แบบง่ายๆ คือ ผัดสามเกลอ ให้หอม ใส่น้ำตาลมะพร้าว เคี่ยวจนเป็นคารเมล แล้วเอาไข่ลงไปผัดๆ จนน้ำตาลรัดไข่สักครู่(ชอบกินไข่แข็งๆ) จึงเติมน้ำ ใส่เต้าหู้ ใส่อบเชย โป๊ยกั๊ก ลงไปอย่างละนิดหน่อย เติมเกลือปรุงรส ปิดฝาต้มจนน้ำงวดเข้มข้น ตักใส่ชามโรยผักชี เสร็จแล้ว คือไม่มีเนื้อสัตว์ก็ไม่ต้องเคี่ยวนานๆ
เป็นมื้อสายที่ปราศจากเนื้อสัตว์ แต่ยังคงรสชาติและกลิ่นของพะโล้ตามที่พลอยศรีต้องการเลย กินกับเครื่องแกล้มอีกอย่างคือน้ำพริกมะพร้าวคั่ว พลอยศรีซื้อมาจากอินเดีย (เคยบันทึกไว้ด้วย ชื่อว่าน้ำพริกมะพร้าวคั่ว) และกินผลไม้อีกหนึ่งกำมือ วันนี้มีแก้วมังกร
พยายามทำตัวเองให้คุ้นเคยกับเรื่องง่ายๆ และมีผลไม้อยู่ข้างๆหนึ่งถ้วย หรือหนึ่งจานน้อยๆเสมอ กินให้เป็นนิสัย เพื่อให้ได้อาหารที่หลากหลาย พลอยศรีเน้นอาหารง่ายๆกับข้าวจานสองจาน คือมีไข่ มีผัก มีผลไม้ ก็พอแล้ว เนื้อสัตว์บ้าง สลับกันไป เพื่อให้ร่างกายของเราได้ทั้งวิตามิน และโปรตีนเพียงพอ
มาถึงมื้อเย็น ขอจัดหนักเลยค่ะ อยากจะกินผักจังๆสักมื้อ เลยทำน้ำพริกกะปิและผักต้ม กินน้ำพริกมันก็ต้องมีปลาทูทอดด้วย มื้อนี้แฮปปี้สุดๆ

ต้องเล่าเรื่องอาหารที่อินเดียสักนิด คือ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พลอยศรีอยู่อินเดีย ได้กินผักน้อยมากจนเหมือนแทบจะไม่ได้กิน กินแต่แตงกวานิดหน่อยกับหอมแดง เพราะที่นั่นเค้าจะมีอาหารสองเวอร์ชั่น คือ มังสวิรัติ กับไม่มังสวิรัติ ไอ้ที่เป็นมังฯ ก็คือเมนูผักๆทั้งหลาย เค้าผัดหรือต้มจนนิ่มแทบไม่เหลือกากใย อันนี้พลอยศรีก็กินไม่ค่อยได้เลย เมนูไหนก็เหมือนกัน ผัดจนเหมือนผักนิ่มเละไปหมด
เราติดกินผักยังเคี้ยวได้ ผักผัดแบบกรุบกรอบ เราชอบแบบนี้แต่เค้าไม่ทำแบบบ้านเมืองเรา เราก็ต้องตามๆเค้าไป กินนิดหน่อย และก็กินแตงกวาสดๆกับหั่นหอมแดงมากินเป็นผักทุกวันเลย กินอยู่คนเดียวไม่มีใครเค้ากินด้วย เค้าบอกว่ามันดิบ ฮาฮา วิธีของพลอยศรีคือ หอมแขกซอยๆ ใส่พริกป่น ใส่เกลือ บีบมะนาว ขยำเบาๆ แซ่บหลายแล้ว
ทีนี้มาที่อาหารไม่มังสวิรัติ บ้านเค้าก็แกงแบบมีแต่เนื้อสัตว์ผัดปรุงกับผงมาซาร่า ผักอะไรไม่มีผสมเลย ถ้ามีก็หอมแดงกับมะเขือเทศ อันนั้นก็ผัดเคี่ยวจนเละไม่เห็นชิ้นผักแล้วอ่ะ และคนที่กินมังสวิรัติก็กินแต่ผักผัดนิ่มๆแทบไม่ต้องเคี้ยว กับแกงถั่วเท่านั้น คนไม่กินมังสวิรัติก็กินแต่แกงเนื้อสัตว์ ไม่มีแกงผักผัดผักเช่นกัน เค้าก็จะแบบกินสลับกับแกงถั่ว เออไม่กินผักจริงๆ งงมาก แยกกันชัดเจน ฮาฮา
ไปใหม่ๆ พลอยศรีนี่งงเลย เพราะเราโตมากับ แกงส้มผักรวมแบบไม่เละ หรือ ต้มจืด แกงเลียง ต้มยำ และยังมีไข่เจียว ปลาทอด หมูทอด และถ้าไม่มีพวกแกงน้ำๆ มีแต่ของทอดก็ยังมีผัดผัก จะผักรวม ผักชนิดเดียวก็แล้วแต่ ถ้าเป็นพวกแกงเนื้อสัตว์แบบผัดเผ็ด ผัดพริกเราก็ยังมีผักชิ้นๆผสมมาด้วย ไม่มีแบบมาแต่เนื้อสัตว์กับเครื่องแกงน้ำขลุกขลิกโล้นๆ หรือปลาทอดโล้นๆและก็กินกับข้าวอย่างเดียว หรือโรตีอย่างเดียวจบแบบนั้นไปทุกๆวัน
พลอยศรีว่าคนไทย คนจีน กินอาหารหลากหลาย บนโต๊ะ มีหมู มีผัดผัก มีปลา มีพวกน้ำซุป ฯลฯ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ เข้าเมืองตาหลิ่ว เราก็หลิ่วตาตาม ทำตัวเป็นไผ่ตามลม ไม่ขวาง เค้ากินอะไรเราก็กินแบบนั้น เพราะนั่นไม่ใช่บ้านเรา เราไม่มีครัวส่วนตัวที่จะทำอะไรได้ตามใจ พอกลับมาที่มาเลย์ ที่นี่บ้านเราครัวเราก็สนองความต้องการไปเลย
เช้ากินพะโล้ เย็นกินผักน้ำพริกกะปิ รู้สึกว่าเราได้กินกากใย ได้เคี้ยวแบบรับรู้รสชาติของมัน และรู้สึกว่าเราได้กระทำความดีต่อระบบลำไส้ของเราด้วย เพราะพวกกากไยจะไปช่วยปัดกวาดสิ่งตกค้างต่างๆในลำไส้ให้สะอาดนะ ( คิดปลอบใจตัวเอง ฮาฮา)
ก็เนี่ยแหละค่ะ วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน ก็เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้า ทำงานบ้าน เพราะไม่อยู่บ้านนาน กลับมาก็ล้าเลยปัดกวาดแบบขอไปที วันนี้ตั้งใจทำหมดวันเลย รู้สึกดี สบายตาสบายใจ
เสร็จแล้วก็มาชงชาผสมเครื่องเทศแบบอินเดีย อีกแก้ว ที่อินเดียเค้าเรียกว่า “มาซาร่าไจ” ไจ ก็คือ ชา มาซาร่า ก็คือเครื่องเทศนั่นเอง


วิธีทำก็ คือ เอาเครื่องเทศที่เราอยากจะใส่ ไปบุบๆพอแตก แล้วเอาไปต้มกับน้ำจนกลิ่นหอม รอให้รสของเครื่องเทศออกมาเผ็ดร้อนตามชอบ แล้วจึงใส่ผงชา ต้มต่อจนได้สีตามชอบ เข้มมากก็แก่มาก เข้มน้อยก็เบาๆ สุดท้ายใส่น้ำตาลทราย และนมสดลงไป อัตราส่วนน้ำกับนม คือเท่ากัน .. ต้มให้เดือดฟู่แล้วเบา แล้วเร่งให้ฟู่อีกที เป็นอันเสร็จ กรองใส่แก้วดื่มร้อนๆ คือ ดีต่อใจยามเหนื่อยล้ามากเลย
ก็จบไปอีกหนึ่งวันกับกิจกรรมของพลอยศรี ทำอาหารที่อยากจะกิน ง่ายๆตามสไตล์ ขาดๆเกินๆ แต่กินด้วยความสุข ไม่ได้กินเพื่อแค่ให้อิ่มไปหนึ่งมื้อ
ส่วนผู้ชายวันนี้พลอยศรีทำข้าวนึ่งกับแกงผักรวมผสมกับถั่วดาลในแบบของเขา ซึ่งแกงทีไรก็ขัดใจทุกทีอย่างที่ว่า ผักมันนุ่มนิ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยว แถมมีดาลทำให้น้ำแกงข้นเข้าไปอีก ขนาดแค่ทำยังขัดใจ จะให้กินได้อย่างไร ฮาฮา แต่ผู้ชายก็อร่อยซะเหลือเกิน

พลอยศรีสุขใจที่มีครัวเป็นของตัวเอง สุขใจที่ผู้ชายไม่มาขัดขวางเรื่องกิน ชีวิตของคนเราให้ทำงานเหนื่อยล้าขนาดไหน ถ้าได้กินอาหารที่ชอบเราก็หายเหนื่อยได้อย่างเร็วไว เพราะสิ่งที่เราชอบจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งอย่างเนาะ
ปล. ลืมเล่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อยู่ที่อินเดีย วุ่นวายมีกิจกรรมให้ออกเก้าโมงเช้าเข้าบ้านหกโมงเย็นทุกวัน ออกติดต่อกันทุกวันบวกกับก่อนหน้านี้มีเพื่อนมาหาที่มาเลย์พาเค้าออกเที่ยวทุกวันเช่นกัน พลอยศรีก็นึกว่าออกไม่ได้พัก เลยร่างกายเหนื่อยล้า ก็เฉยๆ อยู่มาเพื่อนแจ้งว่าติดโควิดให้เช็ค
แจ็กพอตไปเลย เราก็ติดด้วยกันทั้งคู่ แต่มาตรวจก็คือกำลังจะหายเหลือแค่รอยจางๆ และอยู่อินเดียก็คือเดินหน้าเปล่า เพราะที่นั่นไม่มีใครใส่หน้ากากกันแล้ว พอพูดถึงโควิดทุกคนเฉยๆ บอกฉีดวัคซีนแล้ว เค้าชิลล์กันมาก
พลอยศรีมาตรวจก็วันจะกลับแล้ว ติดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะขีดจางมากแปลว่าจะหาย ไม่ได้แยกบ้านแยกห้องกับใคร ทุกคนหัวเราะและบอกพวกเราเป็นสองสามรอบกันแล้ว ไม่มีปัญหา คือ นึกภาพไม่ออกเลยถ้าอยู่มาเลย์เพื่อนๆพลอยศรีคงกรี๊ดด่าที่ออกไปเดินไม่กักตัว ฮาฮา พลอยศรีนี่ก็รอบที่สองหรือสามแล้วเช่นกันไม่แน่ใจ ส่วนผู้ชายรอบที่สามแบบชัดๆติดที่อินเดียทุกรอบ ครั้งนี้ไม่มีอาการอะไรเลย ถ้าเพื่อนไม่บอก เราไม่ตรวจคือไม่รู้ แค่เหนื่อยๆก็นึกว่าเหนื่อยอย่างที่บอกคือพักผ่อนไม่เพียงพอ
ไม่ตกใจ เพราะเรามีวัคซีนอย่างเค้าว่า เป็นแล้วก็หายเหมือนไข้หวัดอย่างว่า
สุขใจ ยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ