สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยศรีอยากเล่าเรื่องราวที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่อยากจะบันทึกเก็บไว้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นประจำวันทั่วๆไป และพลอยศรีก็เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นกับหลายๆคน
บันทึกของพลอยศรีก็จะไม่พ้นเรื่องของอาหารการกินเนาะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเราชอบเล่าเรื่องราวให้คนฟัง อาทิตย์นี้ก็เลยมีเรื่องราวรวมๆ
เริ่มแรกเลยก็คือ เมื่อหลายวันก่อนได้อ่านหนังสือเรื่อง “ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก” เป็นหนังสือขายดีติดอันดับของเกาหลีในช่วงหนึ่ง เรื่องราวที่เค้าโปรยไว้หลังปกก็คือ
“ร้านสะดวกซื้อเป็นร้านที่ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้าออก มันคือสถานที่ที่ทุกคน ไม่ว่าลูกค้าหรือพนักงานจะหยุดชั่วครู่ก่อนจะเดินทางต่อไป เป็นดังปั๊มน้ำมันที่แวะมาเติมให้เต็ม ที่นี่… ผมไม่ได้แค่มาเติมน้ำมันเท่านั้น แต่มาซ่อมรถด้วย เมื่อซ่อมเสร็จแล้วก็จะออกเดินทางต่อ”
คือแค่อ่านหลังปกก็ว้าวแล้วอ่ะ ชอบประโยคสั้นๆแต่รู้สึกตรึงใจกับคำพูดที่ว่า “ผมไม่ได้มาเติมน้ำมันเท่านั้น แต่มาซ่อมรถด้วย”
เรื่องราวในหนังสือจะเล่าถึงตัวละครในร้านสะดวกซื้อ และลูกค้าประจำอีกสองสามคน แต่ละคนก็จะมีเรื่องราวและปัญหาชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ตัวเอกในเรื่องคือ คุณทกโก เป็นชายไร้บ้านที่พักอยู่ที่สถานีรถไฟโซล
คุณทกโกเป็นบุคคลที่สูญเสียความทรงจำ และวันนึงเค้าเก็บกระเป๋าสตางค์ของหญิงชราเจ้าของร้านสะดวกซื้อได้ จึงโทรศัพท์ให้เจ้าของกลับมารับกระเป๋า เรื่องราวต่างๆก็เริ่มจากตรงนี้ โดยเจ้าของร้านมอบเงินให้เป็นการตอบแทน แต่คุณทกโกไม่รับเพราะเค้าทำด้วยจิตสำนึกที่ดี เจ้าของร้านเลยให้เค้ามากินอาหาร (ข้าวกล่อง)ที่ร้านได้ทุกวัน เพื่อเป็นการขอบคุณ
คุณทกโกก็จะมาตอนสองทุ่มทุกวัน เพราะนั่นเป็นเวลาที่พนักงานจะเอาของหมดอายุมาทิ้งแต่มันยังกินได้อยู่ ยืนยันว่าจะไม่กินของในร้านนอกจากของที่จะทิ้งเท่านั้น (อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลย) ทั้งๆที่เจ้าของร้านอนุญาติให้เค้ากินอะไรก็ได้และจะมาตอนไหนก็ได้
วันนึงพนักงานกะดึกของร้านสะดวกซื้อจะลาออก เจ้าของร้านจะต้องหาคนใหม่ แต่ก็ไม่สามารถหาใครมาแทนได้ จึงชวนคุณทกโกมาทำงาน จากคนไร้บ้านสู่คนที่มีงานพาร์ทไทม์ มีรายได้ มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง คือ ประทับใจในเจ้าของร้านสุดๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความหวังดีและอยากช่วยเหลือ
เมื่อคุณทกโกจะมาทำงานที่ร้าน พนักงานคนเก่าก็จะต้องสอนงาน ในระหว่างนี้ก็มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้น มากมาย และร้านสะดวกซื้อตอนกลางคืนก็มักจะมีพวกจอมแสบที่จะมาสร้างปัญหา หรือวัยรุ่นที่เมาแล้วมาก่อความวุ่นวาย โชคดีที่คุณทกโกตัวใหญ่จึงสามารถปราบและรับมือได้อย่างสบาย
แรกๆหลายๆคนในร้านก็ไม่ชอบ เพราะดูสกปรกและก็จะมีกลิ่นที่เฉพาะของคนไร้บ้าน ให้อาบน้ำทำให้สะอาดแค่ไหนก็จะยังมีกลิ่นที่คนปกติจะไม่ชอบ แต่เมื่ออยู่ๆไปทุกคนกลับรู้สึกว่าคุณทกโกสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงในครอบครัวของใครหลายๆคนได้ ทำให้ทุกคนอยากรู้ว่าคุณทกโกจริงๆแล้วเค้าเป็นใครกัน
เรื่องราวก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มีการเฉลยว่าเค้าคือใคร และทำไมจึงสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ คือ อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลย เป็นหนังสือที่เล่มไม่หนามาก แต่เรากลับได้รับแรงบันดาลใจหลายๆอย่าง
พลอยศรีชอบนะ รู้สึกว่าหนังสือ คือ แหล่งบันเทิงราคาถูกที่เราเข้าถึงได้ตลอดเวลา เมื่อใดที่เราเปิดอ่าน เท่ากับว่าเราได้หยุดเวลาวุ่นวายภายนอกเอาไว้ และมาจ่อมจมอยู่กับเรื่องราวในหนังสือ เราได้เรียนรู้ชีวิตของตัวละคร ได้รับรู้ปัญหาชีวิตที่แต่ละคนพบเจอ มันเป็นปัญหาที่ดูไม่ใหญ่โตสำหรับบางคน แต่คนที่พบปัญหามักจะคิดหาทางออกไม่ได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หรือบางปัญหาก็ทำให้เกือบเสียคนไปเลย
คุณทกโกสามารถแก้ปัญหาให้คนอื่นได้ด้วยวิธีง่ายๆ เวลาเราอ่านมันทำให้เราเกิดการรับรู้ ทำให้เราเห็นปัญหาและเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าเพราะอะไร ทำไมมันจึงเป็นแบบนี้ เราจะแก้ไขได้แบบไหน ตัวละครจะมีการพูดคุยสื่อสาร บอกเล่าความคิด ความรู้สึก คือ พลอยศรีชอบอ่ะ ชอบอ่านอะไรแบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกเข้าใจคนทุกคนอย่างง่ายดาย และเห็นใจทุกคนที่เค้ามีปัญหา จนไม่อยากไปตัดสินอะไร
เรื่องราวก็จบไป อยู่เงียบๆแต่ก็ไม่เหงา เพราะเรานอนอ่านหนังสืออยู่ อ่านเสร็จก็อยากจะกินนั่นนี่ที่มีขายอยู่ในร้านสะดวกซื้อ และเป็นอาหารประจำของใครหลายๆคน ในหนังสือก็มักจะสอดแทรกไปแทบทุกบทกับเรื่องของกินและเครื่องดื่ม อ่านและก็คิดว่าซอฟพาวเวอร์สุดๆไปเลยคนเกาหลีเนี่ยว่ามะ ฮาฮา อ่านจบก็ต้องไปหามากินตามเค้าจนได้
มันคือ ซัมซัมซัม มาจาก ซัมแกรามย็อน (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดน้อย) ซัมซีคิมบับ (ข้าวห่อสาหร่ายไส้ทูน่า) และซัมอีซึล (ยี่ห้อโซจู)
พลอยศรีหามากินตาม แต่กินรสที่เราชอบ คือ บะหมี่รสเผ็ด ข้าวห่อสาหร่ายไส้ทูน่า และโซจูไม่มีแต่เรากินเหล้าอื่นๆที่เรามีในบ้านแทน แค่นี้ก็สุขใจมากมายแล้วค่ะ
อ่านหนังสือหนึ่งเล่ม เข้าใจไปถึงวัฒนธรรม ประเพณี ปัญหาชีวิต และการใช้ชีวิต ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกคนล้วนมีปัญหาเรื่องราวคล้ายๆกัน อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจ เบาใจ และก็ลองกินดูสิ มันเป็นยังไง จากสิ่งที่ไม่เคยคิดจะกินเลย พอได้กิน กลับรู้สึกได้ถึงอะไรตั้งหลายอย่าง
อาหารบนร้านสะดวกซื้อราคาไม่แพง แต่เวลาที่เราไม่มีเงิน หรือมีปัญหาเราก็อยากกินแค่นี้แหละ กินแค่ให้อิ่มไปหนึ่งมื้อ และมีแรงมีพลังไปสู้ชีวิตต่อ
อาทิตย์นี้พลอยศรีก็เลยกินมาม่า ข้าวห่อสาหร่าย และมีป๊อปคอร์นยี่ห้ออร่อยของมาเลย์ มันก็เพลิดเพลินดีนะคะ อยู่ในบ้านทำและกินสิ่งที่อยากกิน ได้อ่านหนังสือพร้อมกับล้วงป๊อปคอร์นมันก็บันเทิงสุดๆและ


วันนี้ต้องไปแล้วได้เวลาเข้าครัวทำอาหารเย็นอีกและ วันและเวลาผ่านไปไวมากเลย หันไปหันมาก็จะหมดไปอีกวันนึงแล้ว
และช่วงกลางวันวันนี้ก็ทำเมนูผัดกะเพราใส่ผักไว้หนึ่งกระทะ กินเป็นมื้อกลางวันและตักแช่แข็งได้สองกล่อง อาทิตย์นี้พลอยศรีก็คงต้องฝากท้องกับผัดกะเพราแช่แข็ง เพราะพรุ่งนี้ มะลืนนี้จะต้องมีเรื่องให้ออกนอกบ้าน
วันนี้ว่างก็จัดการอาหารการกินไว้ให้พร้อม กลับมาก็จะได้พร้อมกิน คงเอามาอุ่นราดข้าว หรือทำเป็นผัดสปาเก็ตตี้วนๆไป


บางทีก็ผัดแห้งๆ บางครั้งก็ใส่ผักเยอะๆ แล้วแต่ว่าวันไหนอยากจะกินแบบไหน ผัดกะเพราใส่ผักก็ไม่เลวนะคะ คริคริ
ปิดท้ายวันนี้อีกเรื่อง คือ อาทิตย์นี้ไม่ได้มีแค่ผัดกะเพราแช่แข็งนะ แต่มีไส้กรอกวุ้นเส้นไร้ไส้ด้วย ทำไว้หนึ่งถาดได้ประมาณสิบกว่าก้อน รสชาติกำลังดี ตากลมหนึ่งวัน แล้วเก็บแช่เย็นแช่แข็ง พอจะกินก็เอามาจุ่มน้ำแป้งข้าวจ้าวหรือแป้งทอดกรอบแบบบางเบา คือ เอาแค่ให้น้ำแป้งเคลือบชิ้นไส้กรอกของเราได้ ค้นพบว่าวิธีนี้ช่วยให้ได้ทรงสวย ทอดแล้วไม่แตกเพราะเราไม่ได้ใส่ไส้มันไม่มีอะไรห่อหุ้ม
วันไหนไม่อยากกินข้าวเราก็ทอดไส้กรอกง่ายๆ และก็มีซาโมซ่าของผู้ชายแช่แข็งเช่นกัน เวลาจะกินก็ตั้งหม้อน้ำมันเล็กๆ และหยิบก้อนซาโมซ่าแช่แข็งหย่อนลงไปเลยตอนน้ำมันร้อนๆไฟกลางๆ คือสะดวกเรียบง่าย ของในบ้าน
พร้อมกับเมนูในหัวที่คิดไว้อีกอย่าง คือ ข้าวเหนียวมะม่วง คืนนี้จะทำเพราะอยากจะกิน ได้มะม่วงมาลูกใหญ่มากๆ และก็มีเผือกบวดที่ทำไว้อีกสองกล่อง กล่องละถ้วยแช่แข็งหมดเลย กลัวเสียไม่รู้จะกินวันไหน ทำเสร็จพออุ่นก็ตักแช่แข็งเลย ตู้ไม่ใหญ่แต่จัดพื้นที่ให้ใส่ของได้พอกินทั้งสัปดาห์ ตามประสาแม่บ้านขี้เกียจแหละนะ






ไปจริงๆแล้วนะ หมดเวลาที่แท้จริง ตะวันกำลังจะตกดินแล้ว พลอยศรียังไม่ขยับเข้าครัวเลย อีกไม่นานผู้ชายก็จะถึงบ้านแล้ว

สำหรับวันนี้ หมดไปกับเรื่องราวดีๆ สุขใจ ยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ