สวัสดีค่ะ วันนี้พลอยศรีราบรื่นไปอีกหนึ่งวันกับเมนูกินผักหลากหลาย เมนูที่เน้นหนักไปที่อาหารเพื่อสุขภาพแต่ยังคงความอร่อย รสชาติแบบไทยๆ
วันนี้ทำแซลมอล ผักนึ่ง พริกแจ่ว เมนูนี้กินเมื่อไหร่ ก็อร่อยทุกทีเลย
ตอนแรกก่อนลงมือทำเมนูนี้ คิดว่าจะทำสเต็กแซลมอน เอาปลาออกมาวางไว้หนึ่งชิ้น และก็ออกไปทำธุระนอกบ้าน กลับเข้ามาปลาก็นุ่มพร้อมปรุง
แต่พอถึงเวลา เราคิดว่า ถ้าทำสเต็กแซลมอน มันง่ายก็จริง อร่อยก็จริง แต่มันก็ไม่อร่อยเท่าปลานึ่งพริกแจ่ว ฮาฮา .. และเวลาทำพริกแจ่ว เราได้กินผักมากด้วย อันนี้คือข้อดี
คิดเสร็จ ก็เอาผักต่างๆออกมาทำการนึ่ง อยากกินอะไรก็จับนึ่งไปเลย … ทีนี้ความขี้เกียจล้างอะไรเยอะแยะ เลยจับทุกอย่างใส่กระทะ และเติมน้ำนิดหน่อย กะว่าพอให้ผักและปลาสุก วางทุกอย่างลงกระทะ ปิดฝาไฟกลาง ประมาณห้าถึงหกนาที ทุกอย่างก็สุกดี
และก็เอาพริก หอม กระเทียม มาใส่กระทะ เติมน้ำนิดหน่อย ปิดฝากะว่าพอให้พริกสุก พอน้ำแห้งทำการคั่วไปมาให้มีกลิ่นหอม มีความไหม้ๆนิดนึง
ทำให้ง่าย แต่ทำให้อร่อยในแบบของเรา มันก็โอเคนะ พลอยศรีชอบอะไรง่ายๆ เสร็จแล้วก็เอาไปใส่โถปั่น ปั่นแป๊บนึงก็แหลกดี และเทใส่ถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาร้านิด น้ำปลานิด บีบมะนาวหน่อย ชิมให้ได้รสที่เราต้องการ

พริกหนุ่มพลอยศรีไม่มี แต่มีพริกที่ลักษณะคล้ายพริกหนุ่ม สีแดง สีเหลือง สีเขียว เผ็ดเล็กน้อย เราก็ใช้ทดแทน อร่อยเหมือนกัน
พลอยศรีชอบนะ พริกพวกนี้อยู่ในตระกูลพริกหวาน แค่รูปทรงต่าง แต่มีประโยชน์พอตัว และมีรสชาติอร่อย กินสดก็หวานกรอบ เราเอามาทำแจ่ว อยากได้ความเผ็ดก็เพิ่มพริกขี้หนูแดงไปสามสี่เม็ด ง่ายๆ

ทำออกมาแล้วได้ถ้วยนึง ชิมรส อืม อร่อย …
จัดผักจัดปลาใส่จาน ร้องว้าวทันทีเลย.. จานเบ้อเริ่ม กินคนเดียว ผักพวกนี้จะไหลเข้าสู่ร่างกายเรา แค่คิดก็ใจเต้นกระเพื่อมด้วยความดีใจ แถมไข่ต้มด้วยอีกหนึ่งฟอง ดีเลิศ

กินหมดนี่ อิ่มจนท้องแน่น ไม่กินข้าวเลย .. กินแค่นี้พอ
จากนั้นทำการเก็บล้าง มานั่งเล่นเราก็ตบท้ายด้วยช๊อกโกแลตแทนขนมหวาน …พลอยศรีชอบกินมากๆ ช๊อกโกแลตแบบขม 70% ขึ้นไป กินได้หมด
ผู้ชายไม่เคยมายุ่งกับช๊อกโกแลตของพลอยศรีเลย เค้าบอกว่าขม ผู้ชายชอบหวานเจี๊ยบ และมันเข้มข้น เราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พลอยศรีซื้ออาทิตย์ละแผ่น กินวันละนิดวันละหน่อย เวลาอยากกินขนม เสาร์ชนเสาร์ พอดีไม่มากไม่น้อย บิหักกินวันละชิ้นน้อยๆ

ทุกวันนี้พลอยศรีพยายามเลือกกินไม่ว่าจะคาวจะหวาน อะไรตัดได้ ตัดเลย หันมาปรุงอาหารง่ายมาก แทบไม่ใช้เครื่องปรุงซอสอะไรเยอะแยะแบบเก่า แค่เน้นพริกไทย เกลือ น้ำปลาร้าบ้างใส่พอหอมๆนัวร์ๆในบางเมนู แต่ไม่เอาใส่เยอะแบบไทยแท้
และวันนี้มื้อแรกของวัน ก็ไม่หลุดโป๊ะ เพราะเอามันหวานใส่เตาอบ อบที่ไฟ 200 องศาฯ เป็นเวลายี่สิบนาที มันออกมาเนื้อนุ่มฟู หวานฉ่ำ อร่อยมาก

มันหวานมีกากใยมาก กินแล้วอิ่ม ไม่ต้องกินข้าวเลย พลอยศรีกินเป็นมื้อแรกของวันนี้สองหัว และเราก็ตามด้วยผลไม้บ้าง ช๊อกโกแลตบ้าง ถั่วแดงต้มบ้าง เดินวนกินอยู่แค่นี้ มื้อเย็นจัดผัก จัดปลา มีไข่ต้ม วันนี้เราก็ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันกับการกินดีแบบตั้งใจ
เราซื้อถั่วแระญี่ปุ่นมาติดบ้านไว้ด้วย เวลาหิว เราก็กินถั่วต้ม กินมันอบ กินผลไม้ พลอยศรีไม่อยากเชื่อเลยว่าผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว พลอยศรียังไม่รู้สึกว่าโหยหาอาหารรสจัดหรือขนมหวานอะไรเลย
มันแปลกมาก ปกติเรากินแบบนี้ เราจะรู้สึกไม่อร่อยเลย ต้องกินขนมหวาน น้ำตาล กะทิ เนย ครีม ตอนนี้คิดได้ว่าที่ผ่านมาเราจินตนาการไปเอง ว่าต้องปรุงรสจัด กินคาวเสร็จแล้วต้องกินขนมหวาน บัวลอย กล้วยทอด ขนมครก ฮาฮา
สมัยก่อน กินตามใจปากมากเลยจริงๆ ตื่นมา มื้อแรก หมูปิ้ง ข้าวเหนียว หมูปิ้งก็หมักรสจัด อิ่มหมู อิ่มข้าวเหนียว ไม่ได้มีผัก ตอนนี้สลับใหม่ ถ้าอยากกินหมูปิ้งจะสลับไปเป็นมื้อถัดไป มื้อแรกของวันต้องกินดีก่อนหนึ่งมื้อ เราไม่ต้องอด เราแค่เปลี่ยนวิธี หาความสมดุล และมีความสุขกับการใช้ชีวิต
อ้อๆ มีความตลกอีกด้วย คือ นั่งคุยกับแม่วันก่อน เล่าว่ากินง่ายๆแบบนี้ แม่ก็เหมือนจะเครียดว่าเราอยู่ที่นี่ของแพงเลยไม่ซื้อกิน เลยพยายามประหยัด …
เราก็รีบอธิบายไปว่าไม่ใช่ๆ อย่าเข้าใจผิด ไม่ต้องกังวล เราแค่อยากสวย จะสวยแบบธรรมชาติได้ เราก็ต้องเริ่มจากอาหารการกินก่อน เพราะร่างกายผิวพรรณของเรา แสดงออกมาด้วยอาหารที่เรากินเข้าไป กินดีก็ส่งผลดี มันอาจไม่เห็นในวันนี้ แต่อีกห้าปีมันต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
และแม่ก็เข้าใจ บอกงั้นแม่จะลดข้าวเย็นบ้าง กินแต่กับข้าว และเราก็ขำกัน
สำหรับวันนี้ พลอยศรีมีความสุขกับเรื่องเล่าและเรื่องอาหารการกิน เราพยายามกินอาหารโดยตรง เนื้อสัตว์แบบชิ้นๆ ผักแบบชิ้นๆ แบบหัวๆ คือไม่กินอะไรที่ผ่านการแปรรูปแบบตามใจปาก มีบ้างเบคอนในบางครั้งคราว
กินผลไม้แบบไม่ต้องมีเครื่องจิ้ม อาจจะโรยเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่ไม่ต้องพริกเกลือหรือน้ำปลาหวาน และเลือกน้ำเปล่า แทนน้ำหวาน กินดื่มอะไรเพื่อรับรสที่แท้จริง ไม่ต้องปรุงแต่ง
สุขใจ ยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ
