เยี่ยมเพื่อนเก่าสมัยมัธยม ไม่พบกันมา 30 ปี

สวัสดีค่ะ วันนี้วันหยุดบ้านเราพากันขับรถไปต่างเมือง เพื่อพบปะเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมามากกว่าสามสิบปี

การไปครั้งนี้เพื่อไปพบเพื่อนของผู้ชาย เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม ซึ่งปกติแล้วบ้านเราจะสนิทกับเพื่อนๆก๊วนมหาวิทยาลัยมากกว่า เพราะเป็นกลุ่มก้อนที่จับกลุ่มกันเหนียวแน่น แต่เพื่อนกลุ่มมัธยม โดยส่วนมากแค่อ่านข้อความ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแค่นั้น

เวลามีนัดพบประจำปีเราก็ไม่เคยไปร่วม เพราะการจัดนัดพบแต่ละครั้งเราไม่เคยมีจังหวะอยู่ที่อินเดียเลย แต่สำหรับกลุ่มมหาลัย คือ เค้าจะจัดช่วงเวลาเดิมของทุกปี ทำให้ทุกคนวางแผนมาพบกันได้

และการเรียนมหาลัยมันเป็นการเรียนเพื่อจบไปทำงานสายเดียวกัน ทำให้ทุกคนมีช่วงเวลาที่ต้องทำงานร่วมกัน จบไปทำงานแบบเดียวกัน ติดต่อสื่อสารกันบ่อยๆ

แต่มัธยมเป็นช่วงการเรียนแบบเด็กๆที่พอจบแล้วทุกคนก็แยกย้ายไปต่อที่อื่น และห่างหายกันไป พอกลับมามีกลุ่มก็แค่แลกเปลี่ยนพูดคุยข่าวสารแต่ไม่สนิทกันอะไรมาก

และนักเรียนในห้องก็เยอะ ไม่สนิททุกคนเหมือนมหาลัยที่มีแค่ยี่สิบกว่าคน และบางคนจบไปเรียนต่อก็มีบ้าง ไม่มีบ้าง ทำให้เวลารวมรุ่นมันแตกต่าง คุยกันคนละเรื่อง เป็นคำบอกเล่าจากผู้ชาย

และที่ทราบมาทุกคนมีอาชีพ แต่บางคนเป็นนักธุรกิจ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หมอแผนกต่างๆ นักร้อง นักเต้นรำฯ คือหลากหลายเข้าใจได้ ก็ไม่แปลกที่พอรวมกันมันจะคุยกันไม่ค่อยคลิก

แต่กลุ่มมหาวิทยาลัยทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว และพลอยศรีก็เชื่อว่าเป็นครอบครัวจริงๆ เรารู้สึกแบบนั้น

แต่เพื่อนคนนี้ผู้ชายทราบว่าเค้าอยู่เนเธอร์แลนด์ เรายังไม่เคยไปพบเค้าเลย เราอยู่มาจะปีนึงแล้ว แต่ก็เคยโทรหาพูดคุยกันบ้าง เค้าค่อนข้างอัธยาศัยดี เวลามีอะไรในกลุ่มเค้ารู้จะรีบเข้ามาตอบ

เค้าอยู่ที่นี่มายี่สิบปีจนได้สัญชาติทั้งครอบครัว แต่เราไม่เคยไปรบกวนอะไรเค้า ตั้งแต่มาเราก็อยู่ของเราเอง แม้เค้าจะโทรหา บอกให้เราแจ้งทันทีหากต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรก็ตาม แต่เราก็ยังไม่เคยพบกันสักที

จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วทราบว่าเค้าเข้ารับการผ่าตัดที่หัวเข่า ไม่สามารถขยับเดินได้เป็นเวลาสามเดือน ช่วงนี้ก็ทำงานที่บ้าน เราเลยพากันไปเยี่ยม

ผู้ชายมีพบเค้าครั้งนึงช่วงสั้นๆ ครั้งนี้เราพากันไปบ้านเค้า ตั้งใจไปพบไปเยี่ยม ผู้ชายบอกพลอยศรีว่าจะไปนะ เตรียมของฝากด้วย

พลอยศรีก็จัดการรวดเร็วเมื่อวาน ซื้อผลไม้สองสามอย่าง และจับใส่ถุงกระดาษง่ายๆ กับกาแฟจากไร่ของเราเองอีกหนึ่งซอง

พลอยศรีว่าผลไม้ ง่ายและปลอดภัย ทุกคนในบ้านกินได้ และ บอกผู้ชายว่า ผลไม้เนี่ยสิ้นคิดที่สุดแล้ว ไม่ต้องคิดอะไร ไปพบใครก็ตาม หิ้วผลไม้ไปดีที่สุด

จับรวมๆใส่ถุง พร้อมกาแฟ ไปถึงมอบให้เค้า แค่นี้ก็ดีต่อใจทั้งผู้มอบและผู้รับ เราเลือกไปบ่ายๆหลังเวลาอาหารกลางวัน และกลับก่อนเวลาอาหารเย็น เพื่อไม่ให้ภรรยาเพื่อนต้องลำบากทำอาหารต้อนรับ

ทุกคนน่ารัก ภรรยาเพื่อนก็น่ารัก เพื่อนก็คุยสนุก พลอยศรีพบครั้งแรกก็แฮปปี้เลย คนเรามันจะมีความรู้สึกนะว่าพบแล้วไม่ค่อยคลิก หรือพบแล้วชอบเลย ครั้งนี้พลอยศรีไป พบแล้วชอบเลย ถึงแม้จะครั้งแรกที่พบกัน

เราขับรถไปหาเค้า เกือบร้อยกิโลเพราะอยู่คนละเมืองกัน ภรรยาเพื่อนและเพื่อนขอบคุณหลายครั้งที่เราเดินทางไปหา เค้ารู้ว่าเรามาไกลเพื่อไปพบ

พวกเราพูดคุยกันเรื่องทั่วไป เป็นความรู้สึกแบบสบายๆ และดีตรงที่ไม่มีความรู้สึกว่าถูกบลัฟกัน คุยกันได้หัวเราะ คุยกันเรื่องเก่า เรื่องวัยเรียน และเรื่องลูกเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย  ทุกอย่างสบายๆ

เพื่อนบอกรู้บ้านและนะ มาอีกๆ เราหัวเราะ แหม!! ร้อยกิโลนะ ฮาฮา

อีกสองอาทิตย์มีการนัดพบรวมรุ่นประจำปีของกลุ่มมหาวิทยาลัย  แน่นอนเราก็เตรียมพร้อมกลับอินเดีย ความเหนียวแน่นเหมือนข้าวเหนียวปั้นอยู่กันไหนๆ ทุกคนก็จะหาเวลากลับอินเดียช่วงนี้ เราจึงพบกันง่าย ..

บางทีพลอยศรีอยากไปเที่ยวที่อื่นก็ติดขัด ตรงต้องเตรียมเก็บเงินค่าตั๋วไปอินเดียนี่แหละ แยกไปเที่ยวไหนเองก็ไม่ได้เพราะเค้าจะต้องพบกันทั้งครอบครัว แต่ก็โชคดีที่ทุกคนน่ารัก เวลาเจอกันเลยสนุกทุกครั้ง เราเลยสนิทกับทุกคน เพราะเจอกันทุกปี

หรือบางคนพบนอกรอบถ้ามีโอกาส แต่ก็ไม่ใช่ทั้งห้องที่มา แต่ละปีจะมาประมาณสิบห้าคนถึงสิบแปดคน ไม่รวมครอบครัว เวลารวมกันก็กลุ่มใหญ่เลย บางคนลูกสอง บางคนลูกสาม และคนที่มาก็หน้าเดิมๆ

ส่วนคนที่ไม่มามีสี่ห้าคนก็หน้าเดิมเช่นกัน บางคนพลอยศรีก็ไม่เคยเห็นหน้าเลยจนบัดนี้ ทั้งๆที่เราไปร่วมทุกปี แต่บางคนที่ไม่ได้ไปรวมรุ่น แต่มีพบกันบ้างนอกรอบเวลามีโอกาสได้เดินทางมาพบกันจากการทำงาน หรือพาครอบครัวมาเที่ยวมาเลเซีย เราก็เปิดบ้านรับ

มันก็จะมีบางคนที่เค้าไม่สะดวกเลย แต่เค้าก็อยู่ในกลุ่มแค่ไม่มารวมรุ่นด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ไม่สะดวกในตอนนั้น แต่คนที่สะดวก ก็พร้อมเกิ๊น วางแผนล่วงหน้ากัน 4 เดือนทุกปี เพื่อให้ทุกคนจัดเวลา จัดการจองตั๋ว วางแผนเดินทาง วางแผนทำธุระอื่นๆ

เมื่อไม่นานมานี้ พลอยศรีบอกผู้ชายว่า เราควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อขอบคุณเพื่อนคนที่เค้าเป็นตัวตั้งตัวตีจัดกิจกรรมการรวมรุ่นนะ เพราะมีเค้าพวกเราจึงไม่เคยแยกกัน เพราะมีเค้าพวกเราจึงมีเพื่อน จึงได้พบกันทุกปี เพราะมีเค้าเราจึงมีกิจกรรม

เค้าก็ทำงาน แต่ต้องสละเวลามาคิดกิจกรรม วางแผน ไหนจะกิจกรรมผู้ใหญ่พวกผู้ชาย กิจกรรมพวกเมียๆ กิจกรรมสำหรับเด็กๆ เพื่อให้ทุกคนที่มาได้มีส่วนร่วมไม่รู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกไม่อยากมา ไม่ว่าจะเมีย หรือลูก แต่เพราะเค้าคิดมาทุกอย่าง ทุกคนจึงสนุกสนาน 

ไหนจะต้องคิดหาสถานที่ให้เหมาะสม เปลี่ยนบรรยากาศค้างคืนร่วมกัน ได้เที่ยวด้วยในตัว ได้สนุก และมีกิจกรรมให้ทำในนั้น อาหารการกิน มีอยู่สามคนที่แบ่งแยกกันทำ พวกเราเพียงแค่ออกเงินค่าใช้จ่ายและไปรวมตัว ไม่เหนื่อยอะไรเลย แต่คนเป็นแม่งาน พ่องานต้องเหนื่อยมากๆ เราเข้าใจ ถ้าเรามองทะลุเราจะเข้าใจ

ผู้ชายบอกว่าจริงมากๆ เราควรจะทำอะไรเพื่อขอบคุณพวกเค้า และก็คิดหาวิธีกัน สนุกดี ผู้ชายบอกว่าจะต้องพูดคุยกับเพื่อนๆคนอื่นด้วย ไม่ต้องการมอบของไร้สาระ แต่ต้องมีความหมาย ว่าและฮีก็บอกโอเค ฮีจะจัดการสื่อสารกับเพื่อนๆ … ความรัก เข้าใจได้

พลอยศรีจินตนาการ อีกห้าปี สิบปี พวกเราทุกคนคงหัวหงอกมานั่งรวมกัน จากสมัยก่อนๆคุยเรื่องสร้างครอบครัว แต่งงาน ต่อมาคุยเรื่องลูกเข้าโรงเรียน ตอนนี้ลูกไปเข้ามหาวิทยาลัย อีกไม่กี่ปี พวกเราคงคุยกันเรื่องลูกแต่งงาน และพวกเราแก่เกษียณ ก็คุยกันเรื่องเลี้ยงหลาน บางคนอาจต้องนั่งวีลแชร์มา เพราะมีโรคประจำตัว เดินไม่ไหว หรือบางคนอาจจากลาไป ขำอ่ะ

วันนี้ไปพบเพื่อนสมัยมัธยมก็นั่งคุยกันเรื่องลูกเข้ามหาวิทยาลัย ผันไปตามกาลเวลา

พลอยศรีก็ไม่มีอะไรมาก อยากบันทึก เพราะคำว่าเพื่อน ถึงผ่านไปสามสิบปี เวลาคุยกันเจอหน้าก็เห็นเค้าหัวเราะนั่งถกเถียงกัน ไม่มีท่าทีอะไรให้เราไม่สบายใจ ทุกคนสบายๆ เพราะทุกคนโตกันแล้ว ทุกคนจึงรู้ว่าเพื่อนกันแต่มันไม่เหมือนตอนเด็กๆ

ผู้ชายบอกว่า เค้า คือ เพื่อนไอสมัยเรียน ฮาฮา สำหรับผู้ชาย คำว่าเพื่อน คือเค้าเลือกแล้ว เพราะปกติเค้าคือ อินโทรเวิทขั้นสุด พูดน้อย ไม่ยุ่งกับใคร ไม่สนใจใคร ไม่ไปหาใคร แต่ถ้าคำว่าเพื่อน เค้าจะไม่สนใจ ใกลแค่ไหนเค้าก็จะมีเวลา ถ้าเค้าใช้คำว่าเพื่อน

สำหรับวันนี้ อีกหนึ่งวันดีๆ พลอยศรีพบเพื่อนเก่าของผู้ชายอีกหนึ่งครอบครัว ได้จับมือรู้จักกันอย่างเป็นทางการ จากที่เคยแต่ได้ยินชื่อมาเป็นปี รู้ว่าเค้าอยู่ที่นี่แต่เราไม่เคยจะคิดพบกันสักที

เพราะทุกคนก็มีเรื่องราวภาระส่วนตัว วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็อยากไปใช้เวลาส่วนตัว คราวนี้เพราะขาเจ็บ เราจึงได้พบกัน

อีกหนึ่งความสุข ถึงระหว่างทางจะหนาวยะเยือก แต่วิวสวยมาก ขาไปมีแกะมีม้าในทุ่งกว้างทั่วไป ขากลับแค่ห้าโมงเย็น แต่ถนนมืดเหมือนเที่ยงคืน ทั้งมืดทั้งฝน แค่ห้าโมงเท่านั้น อารมณ์เหมือนดึกแล้ว ต้องรีบเข้านอน มันเหมือนจะง่วงโดยอัตโนมัติ ฮาฮา

สุขใจ ยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ

Leave a comment