วันนี้หิวจังคิดอะไรไม่ออก ในหัวบอกอยากจะกินอะไรเผ็ดๆร้อนๆ คิดไปคิดมาเดินเมียงๆมองๆหมูสับที่ซื้อมาแช่แข็งไว้สองอาทิตย์แล้ว ฉันจะทำอะไรกินดีกับหมูนี้ ใบกะเพราก็มีหรือจะผัดกะเพรา นี่ก็คือความคิดที่มันตีกันอยู่ในหัวของพลอยศรีตอนสายๆค่ะ คือคิดไปเรื่อยแต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้อยากจะกินผัดกะเพราสักเท่าไหร่เลยผ่านไป
ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ชอบกินหมูๆสักเท่าไหร่ แต่ที่ซื้อมาเพราะตั้งใจจะทำไส้กรอกอีสานกิน พอทำแล้วกินแล้วมันก็หายอยาก หมูที่เหลือก็เลยนอนแอ้งแม้งไร้การเหลียวแลมานาน แต่ก็เกะกะตู้เย็นมาก มันเลยต้องหาวิธีกินๆให้หมดไป และจะเลิกซื้อแบบลืมๆไปอีกนานเลย
ด้วยความที่ไม่อยากจะกินผัดกะเพรา แต่อยากจะกินอะไรที่มันเผ็ดๆร้อนๆ อีกทั้งอยากใช้หมูให้หมดไป พลอยศรีจึงทำการค้นๆเจอพริกแกงเผ็ดใต้ที่ซื้อมานาน แต่ว่าแช่แข็งเอาไว้เช่นกันอยู่ดี้ดีค่ะ ได้ทีบ้านเรามีตะไคร้ มีใบมะกรูดไม่กินและผัดกระเพรา ทำคั่วกลิ้งหมูสับกินดีกว่า ได้ใช้หมูและความเผ็ดของพริกและรสชาติคั่วกลิ้งก็จะทำให้เรากินหมูเข้าไปได้อย่างไม่รู้สึกอะไร (ปกติพลอยศรีไม่ชอบรสชาติของเนื้อหมูเลย นอกจากเอามาทอดกรอบๆ ถ้าแกงๆจะขอผ่านเลย)
คิดเสร็จตัดสินใจเรียบร้อยเดินออกไปตัดตะไคร้มาสองต้นอ้วนๆ และเอาข่าอ่อนและใบมะกรูดที่มีอยู่มาล้างหั่นซอย พลอยศรีเคยกินบ้านพี่คนหนึ่งเค้าทำคั่วกลิ้งเนื้อและซอยข่าอ่อนใส่ลงไปด้วย โอ้ยอร่อยมากๆเลยค่ะ ติดใจมากๆได้เคี้ยวข่าอ่อนรสชาติของข่ากรุบๆกระจายซ่านอยู่ในปาก เผ็ดร้อนรวมกัน อร่อยจนงงไปเลยค่ะ ว่าและไปทำกัน เครื่องปรุงวัตถุดิบง่ายๆมีดังนี้
คั่วกลิ้งหมูสับ
- หมูสับติดมัน
- พริกแกงเผ็ดใต้
- ข่าอ่อนสับ
- ตะไคร้ซอย
- ใบมะกรูดซอย
- น้ำสะอาด
- ปรุงรสด้วย น้ำปลา และน้ำตาลทราย

พลอยศรีทำตามแบบที่เคยทำ ไม่ได้ใส่น้ำมันสำหรับผัดพริก แต่ใช้น้ำสะอาดผัดพริกให้สุกแทน สมัยก่อนไม่ทราบก็ใช้น้ำมันโดยปกติทั่วไป แต่พอได้มาดูรายการคั่วกลิ้งของคุณโชเล่นานแล้ว และพลอยศรีเห็นเค้าใช้น้ำสะอาดก็ทำตาม ผลออกมาคืออร่อยอ่ะ จากนั้นก็ไม่เคยได้ใช้น้ำมันอีกเลย ผัดทีไรก็ทำตามนี้เลยค่ะ
เริ่มด้วยตั้งกระทะใส่น้ำสะอาดลงไปแล้วใส่พริกแกงลงไปผัดสักครู่ พอเดือดปุดๆน้ำงวดดีก็ใส่เนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไป ผัดด้วยไฟกลางๆค่อนไปทางอ่อน ผัดไปเรื่อยๆจนเห็นว่าเนื้อสัตว์กำลังจะสุก ก็ให้ปรุงรสด้วยน้ำปลานิด และน้ำตาลทรายหน่อย แล้วผัดให้เข้ากันจนเริ่มแห้ง
ผัดพริกแกงกับน้ำ ใส่เนื้อสัตว์ ผัด + ปรุงรส ผัดไฟอ่อนๆคั่วไปจนแห้ง
ทำการคั่วไปด้วยไฟเบาๆจนเนื้อสัตว์มีความแห้ง และสามารถกลิ้งไปมาได้สมชื่อคั่วกลิ้งแล้ว ทีนี้ก็ใส่เครื่องสมุนไพลที่เราซอยไว้ลงไป แล้วผัดให้เข้ากันอีกสักครู่ส่งกลิ่นหอมฉุยก็ปิดแก็สได้เลยไม่ต้องนาน
เสร็จแล้วค่ะ คั่วกลิ้งหมูสับใช้เวลาไม่นานมากแต่ก็ได้คั่วกลิ้งรสร้อนแรงมากระทะย่อมๆ เครื่องปรุงไม่มีตายตัว ชอบเผ็ดมากก็ใส่เครื่องแกงมาก พลอยศรีว่าเราทำก็กะว่าให้พอเหมาะพอสมควรกับเนื้อสัตว์ที่เรามี บวกกับความเผ็ดร้อนที่เราต้องการ ชอบเผ็ดมากก็ใส่มาก ชอบเผ็ดน้อยก็ใส่น้อย และอย่าลืมชิมด้วยนะคะว่าพริกแกงของเรามีความเผ็ดมากน้อยเท่าใด แต่ละเจ้าที่เค้าทำขายก็อาจจะเผ็ดไม่เท่ากัน พลอยศรีซื้อมาแต่ถ้าหมดคราวนี้ก็ว่าจะบดเองแล้ว
อร่อยมากๆเลยค่ะ เผ็ดๆเค็มๆรสชาติกลมกลืน และหมูสับมีความมัน พอเอามาคั่วกลิ้งแบบนี้ มันหมูก็เหือดแห้งหายไป คือถูกจริตพลอยศรีที่สุด เพราะอย่างที่เล่าไว้ข้างต้นพลอยสรีไม่ชอบกินหมู ไม่ชอบรสชาติของหมู แต่ถ้าเอามาปรุงแบบเผ็ดแซ่บ ร้อนแรงและแห้งๆแบบนี้กินได้ พลอยศรีคั่วจนแห้งเลยแต่ก็ไม่แข็งนะ ถ้าบางคนชอบแบบนุ่มๆก็ไม่ต้องคั่วจนแห้งมากก็ได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ทานเลย
และของอร่อย คือก้นกระทะค่ะ ทิ้งไม่ได้เลย ถ้าผัดพริกหรือทำคั่วกลิ้งอะไรที่แห้งๆเผ็ดๆแบบนี้ต้องเอาข้างลงไปผัดขูดๆเอาเครื่องแกงที่ติดกระทะขึ้นมาด้วยค่ะ ตรงนี้แหละวิเศษเลยถ้ามีใครมาแย่งนี่แอบมีงอล (ฮาฮา) เหยาะน้ำปลาลงไปนิดโอ้โฮสวรรค์เลยแหละค่ะ
วันนี้พลอยศรีมีคั่วกลิ้งอร่อยๆมาเป็นมื้อกลางวัน กินคู่กับผักสดแตงกวาและถั่วฝักยาว เข้ากันจริงๆ มีไข่ดาวมาดับความเผ็ดอีกหนึ่งฟองค่อยยังชั่ว กินมื้อกลางวันไปแล้วหนึ่งมื้อ ยังเหลืออีกครึ่งถ้วยไว้สำหรับมื้อเย็น พลอยศรีตั้งใจว่ามื้อเย็นจะทำข้าวผัดคั่วกลิ้ง คือจะทำเหมือนผัดกะเพราข้าวคลุก เอาข้าวสวยลงไปผัดด้วยกันเลยจะได้เผ็ดร้อนให้สะใจไปเลย และก็ง่ายด้วยไม่ต้องทำอาหารหลายจาน (อิอิ)
พูดถึงเมนูคั่วกลิ้งพลอยศรีทำค่อนข้างบ่อย แต่ไม่ค่อยได้ทำกับเนื้อสัตว์มากนัก ส่วนใหญ่จะทำกับเต้าหู้แข็ง หรือไม่ก็โปรตีนเกษตร กินจนชินกับรสชาติของเต้าหู้แล้ว แต่วันนี้มีหมูจึงต้องกำจัดหมู พอนานๆได้กินหมูคั่วกลิ้งทีก็อร่อยจนต้องร้องว้าวเลยค่ะ ถึงรสชาติไม่ได้ห่างกันมากเพราะใช้เครื่องแกงเดียวกัน ปรุงแบบเดียวกัน แต่รสชาติของเนื้อสัตว์ก็จะมีความพิเศษกว่าพวกเนื้อเต้าหู้อยู่เสมอ วันนี้เลยรู้สึกกินข้าวซะเยอะเลยค่ะ
ปิดท้ายด้วยขนมกล้วยอีกสองชิ้น พอดีซื้อกล้วยมาเมื่อวันเสาร์ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะทำกล้วยทับ (กล้วยปิ้งราดน้ำหวานๆมันๆ )แต่ดันออกไปนอกบ้านติดๆกันหันมาดูอีกที อ้าย!! กล้วยสุกเหลืองหมดแล้ว ไม่สามารถมาปิ้งได้แล้ว ก็เลยจัดการบรรเลงเป็นขนมกล้วยไป ถ้าจะทำกล้วยทับต้องใช้กล้วยห่ามๆหน่อยเขียวๆเหลืองๆปิ้งดี พลอยศรีก็ซื้อมากำลังดีเผลอสองวันหมดกันเลย สุกไวมากๆ สงสัยคงเป็นเพราะอากาศร้อนจัด
แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนาะ หันไปหันมาเห็นอะไรจะเสียก็เก็บๆมาจัดการซะ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะกินขนมกล้วยเลย แต่ไม่มีวิธีอื่น แบ่งทำครึ่งหวี อีกครึ่งหวีพลอยศรีแบ่งไว้ทอดให้ผู้ชายคืนนี้ เพราะผู้ชายไม่กินขนมกล้วยกับพลอยศรีเลย แต่ว่ากล้วยทอดเค้ากินได้เราก็แบ่งๆกัน (ฮาฮา)
ขนมกล้วยอร่อยๆสูตรของกระปุก พลอยศรีทำบ่อยๆ เหนียวหนึบนุ่มกำลังดี กินข้าวกับคั่วกลิ้งเผ็ดๆแบบไฟลุกมา แล้วมาล้างปากด้วยขนมกล้วยสองชิ้นย่อมๆ รู้สึกสบายปากสบายท้องมากๆเลยค่ะ วันนี้คาวหวานสมบูรณ์แล้ว
และแล้ววันนี้ก็กำลังจะหมดเวลาไปอีกหนึ่งวัน หันไปหันมาเวลาผ่านไปไวมากๆ อาหารของพลอยศรีมีพร้อม แต่อาหารของผู้ชายจะต้องรีบไปเตรียม เนี่ยแหละเนาะอาชีพแม่บ้านวนๆเวียนๆอยู่กับเรื่องราวอาหารการกิน ถึงเวลาต้องไปแล้ว สำหรับวันนี้ สุขใจยิ้มกว้าง สวัสดีค่ะ